ส่วนตัว..

รูปภาพของฉัน
เหนื่อยจังเลย งานเยอะๆมากๆ

วันพุธที่ 29 กันยายน พ.ศ. 2553

บทเรียนรัก... ที่คุณอาจไม่คาดคิด


การแต่งงานที่เกิดจากการถูกจับคู่อาจฟังดูไม่โรแมนติกเอาเสียเลย แต่ผู้หญิงที่เลือกแต่งงานแบบนี้ อาจสามารถสอนเราได้บางอย่างในการมีความสุขกับชีวิตคู่ เพราะผู้หญิงเหล่านี้มีความคิดในเรื่องความรักและความโรแมนติกที่เป็นจริงมากกว่า ซึ่งทำให้พวกเธอสามารถมีความสุขกับคนที่อยู่ด้วยได้ นี่เป็นข้อมูลจาก วีว่า เซ็ธ ผู้เขียนหนังสือเรื่อง First Comes Mamiage และต่อไปนี้คือบทเรียนบางอย่างที่ควรจำไว้... 1. ค้นหาความเข้มแข็งภายในของคุณ ผู้หญิงที่แต่งงานแบบถูกจับคู่ไม่ได้คาดหวังว่า สามีของพวกเธอจะต้องเติมเต็มความต้องการทางอารมณ์ของพวกเธอทุกอย่าง เซ็ธได้อธิบายว่า พวกเธอจะมองสามีเป็นหุ้นส่วนชีวิตเป็นเพื่อน และเป็นผู้ให้การสนับสนุน แต่ไม่ใช่ผู้เดียวที่จะให้ความสุขแก่พวกเธอ ฉะนั้น แทนที่จะพึ่งพาแต่สามีผู้หญิงเหล่านี้จะรู้จักสร้างความสุขด้วยตัวเอง และผลก็คือพวกเธอไม่ได้เก็บกักความขุ่นข้องหมองใจต่อสามีเอาไว้ในยามที่พวกเขาไม่อาจเติมเต็มสิ่งที่เป็นไปไม่ได้แก่พวกเธอ 2. เน้นในสิ่งที่คุณชอบในตัวของกันและกัน เพราะผู้หญิงที่แต่งงานจากการถูกจับคู่รู้ว่า พวกเธอต้องเรียนรู้ที่จะรักสามีของตัวเอง พวกเธอจึงสนใจแต่สิ่งที่ดีๆ ในตัวเขา และปล่อยวางสิ่งเล็กน้อยที่ไม่สลักสำคัญนัก แทนที่จะจมอยู่แต่กับความคิดที่ว่า ทำไมเขาไม่เป็นอย่างนั้น ทำไมเขาไม่ทำอย่างนี้ พวกเธอจะมองหาสิ่งที่สามีทำได้ดีและถูกต้องแทน และเมื่อเธอชื่นชมในสิ่งที่สามีทำ เขาก็จะรู้สึกแบบเดียวกันต่อเธอ 3. ความโรแมนติกนิยามใหม่ เนื่องจากการแต่งงานแบบถูกจับคู่ไม่ได้เกิดจากการเกี้ยวพาราสี และทำความรู้จักกันตามปกติ ผู้หญิงที่แต่งงานแบบนี้จึงไม่มีความคาดหวังในเรื่องการแสดงความโรแมนติกแบบ ดั้งเดิม (เช่น ดินเนอร์ใต้แสงเทียน) แต่พวกเธอจะให้คุณค่าแก่การแสดงความเอาใจใส่เล็กๆ น้อยๆ ที่บ่อยครั้งอาจมีความหมายได้มากกว่า

วันอังคารที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2553

ความว่างที่สร้างความสุข


นักปราชญ์ชาวเอเชียวัยกลางคนหนึ่งเล่าว่ามีชายหนุ่มอยู่คนหนึ่ง แกเป็นคนอัตคัตความสุข พยายามแสวงหาความสุขจากวิธีการต่างๆ แต่แล้วก็ยังรู้สึกว่า ไม่ใช่ความสุขแท้ที่ตัวเองต้องการอยู่มาวันหนึ่ง มีผู้แนะนำว่า ถ้าอยากมีความสุขก็ควรจะมีบ้านเป็นของตัวเอง เพราะในบ้านของเรานั้น เราสามารถเป็นเจ้าของทุกอย่างในบ้าน โดยที่ไม่ต้องมีใครมาคอยกวนใจ ซ้ำยังมีอิสระที่จะเสกสรรค์ปั้นแต่ง หรือจัดบ้านให้เป็นไปตามความต้องการของตนเองอย่างไรก็ได้เขาเชื่อตามที่มีผู้แนะนำ จึงตัดสินใจสร้างบ้านขึ้นมาหลังหนึ่งเมื่อแรกสร้างบ้านนั้น บ้านของเขาหลังใหญ่ทีเดียว พอมีบ้านแล้ว เขามีความสุขมาก เขาเริ่มจัดบ้านตามต้องการ และเริ่มหาข้าวของต่างๆ มากมาย มากองไว้ในบ้านทีละอย่างสองอย่างจนกระทั่งวันหนึ่ง ห้องว่างๆ ในบ้านของเขาก็หายไป ทุกพื้นที่ในบ้านเต็มไปด้วยข้าวของระเกะระกะ มองไปทางไหนก็รกหูรกตาทีนี้ชายหนุ่ม เริ่มรู้สึกว่าบ้านของตนเอง ช่างเป็นสถานที่ที่ไม่น่าอยู่ อากาศก็อุดอู้เขาเริ่มบ่นกับตัวเองว่า คิดผิดถนัดที่สร้างบ้านขึ้นมา เพราะนึกว่าบ้านจะให้ความสุขได้นานๆ บางวันเขาก็ครุ่นคำนึงว่า น่าจะสร้างบ้านให้หลังใหญ่กว่านี้ จะได้บรรจุอะไรต่อมิอะไรได้เยอะๆ ตามต้องการขณะที่เขาเริ่มไม่มีความสุข เพราะบ้านกลายเป็นโกดังเก็บของนั้นเอง ก็มีนักปราชญ์คนหนึ่งผ่านมาแถวนั้น เขาบ่นดังๆ จนปราชญ์คนนั้นได้ยิน นักปราชญ์หนุ่มจึงแนะนำว่า ถ้าเขาอยากให้บ้านเป็นสถานที่แห่งความสุข ก็ไม่เห็นจะยากอะไร เพียงแต่ขนข้าวของทั้งหมดออกมาวางข้างนอกบ้านเสียก็หมดเรื่องชายหนุ่มได้ยินเช่นนั้น รีบทำตามทันทีเขาเริ่มขนข้าวของซึ่งโดยมากล้วนเป็นสิ่งซึ่งไม่จำเป็น หากแต่เขาเก็บเอาไว้ เพราะความละโมภมากกว่าออกมาทิ้งนอกบ้าน ขนอยู่สองวัน จนบ้านว่าง โล่ง และดูกว้างขึ้นมาผิดหูผิดตา คราวนี้เขามีความสุขมาก รำพึงกับตัวเองว่า แหม บ้านของฉันช่างกว้างขวาง และน่าอยู่เสียนี่กระไรนักปราชญ์ได้ยินแล้วก็ได้แต่อมยิ้ม ก่อนจะเปรยขึ้นมาว่า บ้านของเจ้าน่ะ มันกว้างขวาง ว่าง โล่ง และน่าอยู่มาตั้งแต่ต้นอยู่แล้ว เจ้าของต่างหากล่ะที่ทำให้มันไม่น่าอยู่ ด้วยการบรรจุอะไรๆ ที่เกินจำเป็นใส่เข้าไป จนบ้านกลายสภาพเป็นกองขยะดีๆ นี่เองใช่หรือไม่ว่า คนส่วนใหญ่ที่กำลังกวาดตา มองหาความสุขและพยายามที่จะเติมสิ่งนั้นสิ่งนี้เข้าไปในชีวิต แต่แล้วก็ยังคงรู้สึก "พร่อง" หรือหมักหมมไปด้วยความทุกข์อยู่เหมือนเดิม ไม่แตกต่างอะไรกับชายเจ้าของบ้านในนิทานปรัชญาเรื่องนี้การจัดการชีวิตให้มีความสุขนั้น ทางที่ถูก อาจไม่ใช่การใส่อะไรลงไปในชีวิต แต่แท้ที่จริงแล้ว คือการถ่ายเท ปล่อยวางหรือระบายบางสิ่งบางอย่างออกจากชีวิตมากกว่าในพุทธศาสนานั้น เราถือกันว่า ความสุขอาจเกิดจากความมี (สามิสสุข) ก็ได้ แต่ที่เหนือกว่านั้น ความสุขอาจเกิดจากความเป็นอิสระจากความมีก็ได้ด้วย (นิรามิสสุข)บ้านแห่งชีวิตของเรา เมื่อแรกสร้างก็ดูโปร่ง โล่ง เป็นระเบียบเรียบร้อย สบายหูสบายตา แต่เมื่ออยู่กันไป อะไรๆ ก็ชักจะเพิ่มขึ้น และบางทีเพิ่มมากมาย จนกลายเป็นปัญหาอันบั่นทอนต่อความสุขในชีวิตคู่จะดีกว่าไหม หากมีเวลาว่าง คนรักกัน น่าจะลองหาวิธีทำพื้นที่หัวใจให้ว่าง ด้วยการถอดถอนบางอย่างทิ้งออกไป ขอเพียงเรียนรู้ที่จะลดบางอย่างลงไป ความสุขในหัวใจก็คงจะเพิ่มขึ้นความสุข บางครั้งอาจไม่ได้ผูกพันอยู่กับความมี แต่บางที... อาจมาจากความว่าง
แหล่งที่มา http://variety.teenee.com/saladharm/29762.html

วันเสาร์ที่ 25 กันยายน พ.ศ. 2553

เกร็ดความรู้ เคล็ดลับ เพื่อ สุขภาพ วันนี้เรามีเรื่องดีๆ มาฝากเพื่อน ๆ กันอีกแล้ว นั่นคือ เกร็ดความรู้ เคล็ดลับ เพื่อ สุขภาพ เรื่อง 30 วิธี เผาผลาญแคลอรี่ใน 30 วัน สำหรับผู้ที่ไม่ค่อยมีเวลา ออกกำลังกาย และระบบเผาผลาญอาหารต่ำ 30 วิธีต่อไปนี้จะทำให้เพื่อนๆ เผาผลาญแคลอรีได้ง่าย ๆ เลย...
การเผาผลาญแคลอรีสำหรับบางคนแล้วอาจไม่ใช่เรื่องใหญ่ แต่สำหรับคนทั่วไป โดยเฉพาะคนที่ระบบเผาผลาญอาหารต่ำ และไม่มีเวลาออกกำลังกาย ต่อไปนี้คือ 30 วิธีที่จะทำให้คุณเผาผลาญแคลอรีได้ง่ายๆ (ไม่มากก็น้อย) ภายใน 30 วัน
1. ตื่นขึ้นมายืดเส้นยืดสาย โน้มตัวลงใช้มือแตะสลับเท้า รวมทั้งจัดเตียงและพับผ้าปูที่นอนให้เข้าที่เข้าทางและดูเรียบร้อยทุกวัน แค่ 20 นาที ถือว่าเป็นการเริ่มต้นที่สวย
2. ยืดเวลา "ยืน" แปรงฟันและใช้ไหมขัดฟันให้นานขึ้น
3. จัดห้องด้วยตัวเอง ถึงเวลาเสียทีสำหรับการตกแต่งห้องใหม่ เริ่มด้วยการย้ายรูปภาพ เลื่อนตำแหน่งโต๊ะ เก้าอี้ โซฟา โคมไฟ และอะไรก็ตามที่จะทำให้คุณเสียเหงื่อมากกว่าการนอนนิ่งอยู่บนโซฟา
4. ดูดฝุ่นด้วยตัวเอง เปลืองเวลาแค่ 20 นาทีครับ ทำตอนดึกๆ หรือหลังกลับจากที่ทำงานก็ได้
5. ตัดใจและจัดการทิ้งข้าวของที่ไม่ใช้ เช่น กระดาษ และแมกกาซีนกองโตที่ตั้งเรียงสูงเกือบถึงเพดาน
6. รักษาโลกสีเขียวของทุกคนด้วยการแยกขยะออกเป็นประเภทต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นกระป๋อง แก้ว ขยะมีพิษ และขวดพลาสติก
7. เมิน "Car Care" หรือร้านล้างรถชั่วคราว แล้วหันมาล้างรถด้วยตัวเองที่บ้านของคุณ
8. ตกแต่งกิ่งก้าน ดึงวัชพืช รดน้ำต้นไม้ รวมถึงซ่อมรั้วที่คุณจดๆ จ้องๆ จะซ่อมมานาน
9. ถ้ามีสัตว์เลี้ยงอย่างสุนัข อย่าลืมพามันออกวิ่งและเที่ยวใกล้ๆ บ้าน ส่วนใครที่ไม่รักสัตว์ คุณยังมีเครื่องเล่น MP3 และเพลงเพราะๆ จากหูฟังดีๆ ที่จะช่วยให้คุณวิ่งหรือเดินได้นานขึ้นกว่าเดิม
10. ใช้รถเข็นซื้อข้าวของในซูเปอร์มาร์เก็ต ถ้าไม่เคยทำ เราอยากให้คุณลองซื้อของใช้เข้าบ้านสัปดาห์ละครั้ง ใช้เวลาเดินให้นานขึ้น ลองดูครับ เข็นแล้วเดินไปรอบๆ อย่างน้อย 20-30 นาที
11. จอดรถของคุณไว้ที่บ้าน แล้วเดินหรือใช้รถสาธารณะแทน
12. หนังสือที่ซื้อมาแล้วยังไม่ได้อ่าน แกะออกจากถุงดีกว่าครับ ใช้เวลานิดหน่อยจัดเรียง และถ้าชั้นวางของไม่พอก็วางแผนต่อชั้นวางใหม่ด้วยตัวเองเสียเลย
13. ถ้าเล่นดนตรีเป็น ลองเล่นดนตรีชิ้นโปรด โดยเฉพาะแซ็กโซโฟน เปียโน และกลอง แต่ถ้าไม่สะดวก ลองเปิดเพลงโปรดแล้วเต้นดูก็ได้ครับ หรือจะโค้งเชิญคนรู้ใจที่นั่งอยู่ใกล้ๆ ให้ลุกขึ้นมาขยับด้วยก็ได้...ไม่ว่ากัน
14. หลังจากกดปุ่ม "Start" พยายามปลีกตัวออกมาจากหน้าจอคอมพิวเตอร์ของคุณ เดินไปไหนมาไหนในบ้านบ้าง บางครั้ง คุณก็ควรปล่อยวาง และใช้เวลา 25 นาทีก็เพียงพอแล้วสำหรับการเช็กอี-เมล์
15. อาสาล้างจานแทนสาวๆ หลังจบงานปาร์ตี้ที่บ้านของเธอ
16. ลุกขึ้นเลื่อนเก้าอี้ให้สุภาพสตรี
17. เดินทักทายเพื่อนร่วมงานหรือลูกน้องในแผนกในบางโอกาส
18. กินอาหารกลางวันนอกที่ทำงาน แทนการซื้อเข้ามา โดยไม่ได้ลุกออกไหนเลย
19. เดินดูสินค้าในแผนกเครื่องเสียงหรือแผนกไอที
20. ถ้าคุณมีความสามารถในด้านการทำอาหาร หรืออย่างน้อย ก็อุ่นอาหาร ใช้เวลาในการทำกิจกรรมนี้สักประมาณ 20 นาที
21. ในการขึ้น-ลงไม่กี่ชั้นในสำนักงาน คุณควรเลือกใช้บันได แม้แต่ในบ้านก็ใช้บันไดในการออกกำลังกายได้ด้วยการเดินขึ้น-ลงเป็นเวลาประมาณ 5 นาที
22. ในงานเลี้ยง การนั่งอยู่ที่โต๊ะโดยไม่ลุกไปไหน นอกจากจะทำให้คุณเป็นคนไม่น่าสนใจแล้ว ไขมันของคานาเป้ แซนด์วิชแฮมชีสและเบียร์ที่คุณดื่มยังทำให้ไขมันสะสมในร่างกายได้ง่าย ทางที่ดีคุณควรลุกขึ้นมาขยับและเริ่มบทสนทนาเดินคุยกับผู้คนหน้าใหม่ๆ หรือไม่ก็หันมาโชว์สเต็ปทันทีที่ได้ยินเพลงโปรดของตัวเอง 23. ถึงจะเป็นงานของผู้หญิง แต่คุณก็สามารถพับหรือรีดเสื้อผ้าที่คุณใช้อยู่เป็นประจำได้
24. ถ้าคุณเป็นคนชอบดูรายการโทรทัศน์ อย่าลืมลุกไปทำโน่นทำนี่ทุกครั้งที่มีโฆษณา
25. หาซื้ออุปกรณ์ง่ายๆ อย่างดัมเบลล์ หรือเสื่อโยคะติดบ้านไว้ อาจรวมถึงเครื่องชั่งน้ำหนัก สำหรับคนที่ต้องการกำจัดไขมันส่วนเกินอย่างจริงจัง
26. การบิด สะบัด และตากเสื้อผ้าเป็นวิธีการออกกำลังกายที่ดี แม้ว่าคุณจะซักด้วยเครื่องตามปกติ
27. เป็นสุภาพบุรุษเต็มตัว ด้วยการอาสาทำงานออกแรงที่สุภาพสตรีไม่ถนัด
28. เดาะบอลที่สนามหลังบ้าน หรือไม่ก็วิ่งบนลู่วิ่งเก่าเก็บที่ซื้อแล้วไม่ได้ใช้งาน
29. "ยืน" คุยโทรศัพท์กับเพื่อนเรื่องพรรคการเมือง "พรรคนั้น" เรื่องฟุตบอลแมตช์ที่ผ่านมา หรืออ่านบทความสำคัญใน Forbes ไปจนจบ ใช้เวลา 22 นาทีก็น่าจะลงตัว
30. และสำหรับข้อสุดท้ายที่หลายคนสนใจมีวิธีการง่ายๆ ต่อไปนี้ คือ คุณสามารถงีบหลับไปได้ 45 นาที ซึ่งจะช่วยเผาผลาญได้ถึง 50 แคลอรี จากการสูดอากาศหายใจ ก็อย่างที่คุณรู้น่ะครับ แค่ขยับ..ก็เท่ากับออกกำลังกาย

แหล่งที่มา http://xchange.teenee.com/index.php?showtopic=58592

วันพฤหัสบดีที่ 23 กันยายน พ.ศ. 2553

เคล็ดลับดูแลเส้นผมหน้าฝน

ใน วันที่ฝนตก เชื่อว่าสาว ๆ หลายคนคงอดที่จะเป็นกังวลไม่ได้ว่า ทรงผม ที่เซตมาสวย ๆ จะเสียทรงบ้าง เส้นผมที่อับชื้นจะเสียบ้าง เกิดเชื้อราบนหนังศีรษะบ้าง วันนี้เรามีเคล็ดลับดี ๆ ในการดูแลเส้นผมหน้าฝนมาฝากคุณสาว ๆ กันด้วย... เมื่อคุณตากฝนมา อย่าหมักหมมเส้นผมเด็ดขาด ควรสระทำความสะอาดเส้นผมทุกครั้งที่เปียกฝน แม้จะดึกแค่ไหนก็ควรสระแล้วเป่าให้แห้งก่อนนอน เพราะขืนคุณนอนไปทั้งอย่างนั้น นอกจากจะเป็นไข้หวัดแล้ว หนังศีรษะของคุณอาจเกิดเชื้อราได้ง่าย ๆ แถมยังสกปรกอีกด้วย ไดร์จิ๋ว ถ้ามีพกติดกระเป๋าไว้ก็จะดี เมื่อคุณต้องเปียกฝนมาในวันทำงาน ควรนำมาเป่าผมให้แห้งเสียก่อน ดีกว่านั่งทำงานตากแอร์หัวเปียก จะทำให้ป่วยได้ หวี คือของคู่กายที่สาว ๆ ขาดไม่ได้ เมื่อผมเปียกฝนมาควรหวีผมให้เรียบร้อยด้วยหวีซี่ห่าง ก่อนที่คุณจะเป่าผมให้แห้ง หรือก่อนสระผม อย่าลืมว่าผมของคุณต้องการการบำรุงอยู่เสมอ แม้ว่าหน้าฝนอากาศจะชุ่มชื้น แดดน้อย แต่ผมก็ยังคงต้องเจอกับมลภาวะอื่น ๆ อีกมากมาย ไหนจะฝุ่นควัน ไหนจะสารเคมีจากการทำสีผม คุณจึงหมั่นเติมอาหารบำรุงให้เส้นผม ด้วยการแบ่งเวลาไปทำสปาผมบ้าง นาน ๆ ครั้งก็ยังดี หน้าฝนอย่างนี้ มีร่มพกติดตัวไว้เป็นดีที่สุด ไม่ว่าจะเดินทางไปไหนมาไหน กางร่มแล้วสบายใจ ไม่ต้องกลัวว่าทรงผมที่ตั้งใจเซตมาตั้งแต่เช้าจะเสียทรงอีกด้วย
แหล่งที่มา http://www.roytawan.com/topic/view.php?id=68

วันจันทร์ที่ 20 กันยายน พ.ศ. 2553

ปัญญา (พระอาจารย์ทูล ขิปฺปปญฺโญ



























ตามปกติคนเรามีปัญญาอยู่ในตัว แต่ใช้ปัญญาไปในทางโลกเสียส่วนใหญ่ จึงได้ถูกตัณหาคือความอยากชักลากเอาปัญญาไปครอบครอง ปัญญาจึงกลายเป็นความคิดเห็น เป็นลูกมือให้แก่กิเลสตัณหาไป เหมือนกับอาวุธของตำรวจที่ถูกพวกโจรลักไปได้แล้ว ก็จะเป็นเครื่องมือให้แก่พวกโจรไป อยากจะทำอะไรให้คนอื่นได้รับความทุกข์เดือดร้อนอย่างไร ก็ทำตามใจ นี้ฉันใด ปัญญาของเรา เมื่อถูกกิเลสตัณหาลักพาไปได้แล้ว ก็จะกลายเป็นความคิดเพื่อเสริมการทำงานให้แก่กิเลสตัณหาได้เป็นอย่างดี ถ้าเป็นฝ่ายธรรม เรียกว่า ปัญญา ถ้าเป็นฝ่ายกิเลสตัณหา เรียกว่า ความคิดปรุงแต่งไปตามสังขาร เหมือนกับปากกาด้ามเดียว ถ้าเขียนไปทางคดีโลก ก็เป็นเรื่องของทางโลกไป ถ้าเขียนในทางธรรม ก็เป็นเรื่องของธรรม คิดเรื่องถูก ใจก็เป็น สัมมาทิฏฐิ ความเห็นถูก คิดในเรื่องผิด ใจก็เกิดความเห็นผิด คิดเรื่องชั่ว ใจก็พลอยเห็นชั่วไปด้วย คิดเรื่องดีหรือไม่ดี ขึ้นอยู่กับเรานำเอาเรื่องมาคิด คิดในเรื่องอะไร ใจก็จะค่อยตามความคิดนั้นๆ ความคิดเป็นศัพท์ของชาวบ้านพูดกันทั่วไป ปัญญาเป็นศัพท์พูดกันให้ถูกกับภาษาธรรม เหมือนคำพูดที่ว่า คนพาลก็หมายถึงคนที่ไม่ดี ในศัพท์คำพูดว่า นักปราชญ์บัณฑิตก็หมายถึงคนดี ทั้งที่มีภูมิฐานเชื้อชาติเป็นมนุษย์ด้วยกัน นี้ฉันใด ปัญญา กับ สังขารการปรุงแต่ง ก็เป็นในลักษณะความคิดเช่นเดียวกัน แต่ก็คิดไปคนละเรื่อง คิดไปคนละทาง สังขารการปรุงแต่งคิดในเรื่องเข้าฝ่ายของกิเลสตัณหา ปัญญาคิดในเรื่องเข้าฝ่ายในทางธรรม

แหล่งที่มา http://variety.teenee.com/saladharm/29485.html

3G



3 จี (3G) หรือ มาตรฐานโทรศัพท์มือถือยุคที่ 3 เป็นมาตรฐานโทรศัพท์มือถือในยุคที่ 3 ถูกพัฒนาและกำลังมาแทนที่ ระบบโทรศัพท์ 2G ซึ่ง 3G นั้นพัฒนาบนพื้นฐานของมาตรฐาน IMT-2000 ภายใต้กลุ่มของสหภาพโทรคมนาคมระหว่างประเทศ
มาตรฐานโทรศัพท์มือถือยุคที่ 3 หรือที่เรียกว่า ระบบ
UMTS หรือ WCDMA ในระบบ GSM 850 , 900 , 1800 , 1900 และ 2100 (ที่เป็นสากลที่โทรศัพท์ระบบ 3G ต้องมี)
3G คือ โทรศัพท์เคลื่อนที่ยุคที่สาม หรือมาตรฐาน IMT-2000 นั้นนิยามว่า

“ต้องมี แพลทฟอร์ม (Platform) สำหรับการหลอมรวมของบริการต่างๆ อาทิ กิจการประจำที่ (Fixed Service) กิจการเคลื่อนที่ (Mobile Service) บริการสื่อสารเสียง ข้อมูล อินเทอร์เน็ต และ พหุสื่อ (Multimedia) เป็นไปในทิศทางเดียวกัน” คือ สามารถถ่ายเท ส่งต่อข้อมูล ดิจิตอล ไปยังอุปกรณ์โทรคมนาคมประเภทต่างๆ ให้สามารถรับส่งข้อมูลได้
“ความสามารถในการใช้โครงข่ายทั่วโลก (Global Roaming) ” คือ ผู้บริโภคสามารถ ถืออุปกรณ์โทรศัพท์เคลื่อนที่ไปใช้ได้ทั่วโลก โดยไม่ต้องเปลี่ยนเครื่อง
“บริการที่ไม่ขาดตอน (Seamless Delivery Service) ” คือ การใช้งานโทรศัพท์เคลื่อนที่โดยไม่รู้สึกถึงการเปลี่ยน เซลล์ไซต์ (Cell Site) เขาใช้คำว่า Seam less นั้นแปลว่า ไร้รอยตะเข็บนะครับ
อัตราความเร็วในการส่งข้อมูล (Transmission Rate) ในมาตรฐาน IMT-2000 นั้นกำหนดไว้ว่าต้องมีอัตราความเร็วดังนี้
[1]
ในสภาวะอยู่กับที่หรือขณะเดิน มีความเร็วอย่างน้อยที่สุด 2 เมกะบิต/วินาที
ในสภาวะเคลื่อนที่โดยยานพาหนะ มีความเร็วอย่างน้อยที่สุด 384 กิโลบิต/วินาที
ทุกสภาวะ มีความเร็วอย่างมากที่สุด 14.4 เมกะบิต/วินาที
จุดเริ่มต้นของเทคโนโลยี 3G
มาตรฐานโทรศัพท์เคลื่อนที่ยุคที่ 3 (Third Generation Mobile Network หรือ 3G) เป็นเทคโนโลยียุคถัดมาจากการเปิดให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ยุคที่ 2 หรือ 2G ซึ่งประสบความสำเร็จในการสร้างมูลค่าทางธุรกิจสื่อสารไร้สายอย่างมหาศาลนับตั้งแต่ พ.ศ. 2537 เป็นต้นมา ในยุคของโทรศัพท์เคลื่อนที่ 2G มีมาตรฐานที่สำคัญที่มีการนิยมใช้งานทั่วโลกอยู่ 2 มาตรฐาน กล่าวคือมาตรฐาน GSM (Global System for Mobile Communication) อันเป็นมาตรฐานของกลุ่มสหภาพยุโรป ปัจจุบันมีส่วนแบ่งทางการตลาดทั่วโลกสูงที่สุด และมาตรฐาน CDMA (Code Division Multiple Access) อันเป็นมาตรฐานจากสหรัฐอเมริกา มีส่วนแบ่งการตลาดเป็นอันดับที่สอง
จุดมุ่งหมายของการพัฒนามาตรฐานโทรศัพท์เคลื่อนที่ 2G ขึ้น ก็เพื่อตอบสนองความต้องการใช้งานระบบสื่อสารไร้สายส่วนบุคคล (Personal Communication) ในลักษณะไร้พรมแดน (Global Communication) โดยเปิดโอกาสให้ผู้ใช้บริการสามารถนำเครื่องลูกข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ไปใช้งานในที่ใด ๆ ก็ได้ทั่วโลกที่มีการให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ดังกล่าว และยังเป็นยุคของการนำมาตรฐานสื่อสารแบบดิจิตอลสมบูรณ์แบบมาใช้รักษาความปลอดภัย และเสริมประสิทธิภาพในการสื่อสารหลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นบริการส่งข้อความแบบสั้น (Short Message Service หรือ SMS) และการเริ่มต้นของยุคสื่อสารข้อมูลผ่านเครื่องลูกข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่เป็นครั้งแรก โดยมาตรฐาน GSM และ CDMA ตอบสนองความต้องการสื่อสารข้อมูลด้วยอัตราเร็วสูงสุด 9,600 บิตต่อวินาที ซึ่งถือว่าเพียงพอเมื่อเปรียบเทียบกับอัตราเร็วของการสื่อสารผ่านโมเด็มในเครือข่ายโทรศัพท์พื้นฐานเมื่อกว่าสิบปีก่อน
การตอบรับของกลุ่มผู้บริโภคบริการสื่อสารไร้สายทั่วโลก ทำให้มาตรฐานโทรศัพท์เคลื่อนที่ 2G สร้างรายได้ให้กับผู้ประกอบการณ์ทั่วโลกอย่างมหาศาล ก่อให้เกิดการเปิดสัมปทานและนำมาซึ่งการแข่งขันอย่างรุนแรงในแทบทุกประเทศ ซึ่งปัจจัยดังกล่าวนอกจากจะมีผลทำให้เกิดการเพิ่มจำนวนของผู้ใช้บริการอย่างก้าวกระโดดแล้ว ในขณะเดียวกันยังสร้างผลกระทบต่อรายได้โดยเฉลี่ยต่อเลขหมาย (Average Revenue per User หรือ ARPU) ของผู้ให้บริการเครือข่าย อันเนื่องมาจากการกลยุทธ์การแข่งขันด้านราคา ยิ่งเมื่อมีการเปิดตัวบริการโทรศัพท์เคลื่อนที่แบบพร้อมใช้ (Prepaid Subscriber) ตั้งแต่ พ.ศ. 2540 เป็นต้นมา ก็ทำให้เกิดการลดถอยของ ARPU ลงอย่างต่อเนื่อง พร้อม กับปัญหาผู้ใช้บริการย้ายค่าย (Brand Switching) ที่รุนแรงขึ้น
เพื่อเป็นการสร้างความเชื่อมั่นในตราสินค้าและยังเป็นการสร้างรายได้เพิ่มเพื่อชดเชย ARPU ที่ลดต่ำลง เนื่องจากปรากฏการณ์อิ่มตัวของบริการสื่อสารด้วยเสียง (Voice Service) ผู้ประกอบการในธุรกิจโทรศัพท์เคลื่อนที่ทั่วโลกจึงมีความเห็นตรงกันที่จะสร้างบริการสื่อสารไร้สายรูปแบบใหม่ ๆ ขึ้น โดยพัฒนาเครือข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ 2G ที่เปิดใช้งานอยู่ ให้มีศักยภาพเพิ่มเติมเพื่อรองรับบริการสื่อสารข้อมูลแบบที่มิใช่เสียง (Non-Voice Communication) พร้อมกับการวางแผนธุรกิจ แผนปฏิบัติการทางวิศวกรรม การตลาด และแผนการลงทุน เพื่อสร้างกระแสความต้องการ (Demand Aggregation) ให้กับฐานลูกค้าผู้ใช้บริการที่มีอยู่เดิม เพื่อเพิ่ม ARPU ให้สูงขึ้น พร้อม ๆ กับผลักดันให้เกิดบริการรูปแบบใหม่ ๆ ไม่ว่าจะเป็นการรับส่งข้อมูลแบบ EMS (Enhanced Messaging Service) หรือ MMS (Multimedia Messaging Service) รวมถึงบริการท่องโลกอินเทอร์เน็ตไร้สายผ่านอุปกรณ์สื่อสารรุ่นใหม่ ๆ ซึ่งมีทั้งที่เป็นโทรศัพท์เคลื่อนที่ทั่ว ๆ ไป อุปกรณ์ไร้สายประเภท PDA (Personal Digital Assistant) และโทรศัพท์เคลื่อนที่อัจฉริยะ (Smart Phone)
เพื่อเป็นการใช้ประโยชน์จากเครือข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ 2G ที่ได้มีการลงทุนไว้แล้วให้เกิดประโยชน์สูงสุด มาตรฐานเทคโนโลยีการสื่อสารข้อมูลในรูปแบบใหม่ ๆ จึงถูกกำหนดขึ้น ภายใต้แนวคิดในการพัฒนาเครือข่ายเดิม ไม่ว่าจะเป็นเทคโนโลยี HSCSD (High Speed Circuit Switching Data), GPRS (General Packet Radio Service) หรือ EDGE (Enhanced Data Rate for GPRS Evolution) ของค่าย GSM และเทคโนโลยี cdma20001xEV-DV หรือ cdma20001xEV-DO ของค่าย CDMA ดังแสดงพัฒนาการในรูปที่ 1 เรียกมาตรฐานต่อยอดดังกล่าวโดยรวมว่า เทคโนโลยียุค 2.5G/2.75G ซึ่งในช่วงเวลานี้เองที่ปรากฏมีมาตรฐานโทรศัพท์เคลื่อนที่ PDC (Packet Digital Cellular) เปิดให้บริการสื่อสารข้อมูลในลักษณะของเทคโนโลยี 2.5G ภายใต้ชื่อเครื่องหมายการค้า i-mode ซึ่งประสบความสำเร็จอย่างมากในการเปิดศักราชของการให้บริการสื่อสารข้อมูลแบบมัลติมีเดียไร้สายในประเทศญี่ปุ่น และได้กลายเป็นต้นแบบของการจัดทำธุรกิจ Non-Voice ให้กับผู้ประกอบการโทรศัพท์เคลื่อนที่ทั่วโลกในเวลาต่อมา
การเติบโตของธุรกิจ Non-Voice
ตั้งแต่ พ.ศ. 2543 เป็นต้นมาอันเป็นยุคเริ่มต้นของเทคโนโลยี 2.5G ผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ทั่วโลกรวมทั้งในประเทศไทย มีการผลักดันบริการสื่อสารข้อมูลรูปแบบใหม่ ๆ ในรูปแบบ Non-Voice เพื่อสร้างกระแสนิยมในกลุ่มผู้บริโภคมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการใช้ประโยชน์จากเครือข่าย 2.5G อย่างเต็มรูปแบบ หรือเป็นการผลักดันให้เกิดการยอมรับในบริการที่มีอยู่แล้ว อันได้แก่บริการ SMS ซึ่งในปัจจุบันจะเห็นว่าบริการเหล่านี้ได้กลายเป็นช่องทางสำคัญที่เพิ่มมูลค่าให้บริการ ARPU ของบรรดาผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ รูปที่ 2 แสดงให้เห็นถึงการเติบโตของบริการประเภทต่าง ๆ บนเครือข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ในภาพรวมของทั้งทวีปเอเชียตั้งแต่ช่วงปี พ.ศ. 2544 จนถึง พ.ศ. 2553 ซึ่งในท้ายที่สุดบริการแบบ Non-Voice จะมีสัดส่วนที่เป็นนัยสำคัญต่อรายได้รวมทั้งหมด
สำหรับธุรกิจโทรศัพท์เคลื่อนที่ในประเทศไทยเอง นับตั้งแต่การเปิดให้บริการประเภท Non-Voice อย่างจริงจังเมื่อต้นปี พ.ศ. 2545 เป็นต้นมา บรรดาผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ก็สามารถสร้างรายได้เพื่อเสริมทดแทนการลดทอนของค่า ARPU ภายในเครือข่ายของตน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมีการเปิดตัวบริการสื่อสารไร้สายมัลติมีเดียของบริษัท ฮัทชิสัน ซีเอที ไวร์เลส มัลติมีเดีย จำกัด (HUTCH) เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2546 เป็นต้นมา สภาพการแข่งขันในธุรกิจสื่อสารไร้สายในประเทศไทยก็เริ่มมุ่งความสำคัญในการสร้างบริการ Non-Voice ใหม่ ๆ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดให้บริการ MMS อย่างเป็นทางการ การคิดโปรโมชั่นกระตุ้นการท่องอินเทอร์เน็ตผ่านโทรศัพท์เคลื่อนที่ หรือแม้กระทั่งการทดลองเปิดให้บริการชมภาพยนตร์ผ่านทางโทรศัพท์เคลื่อนที่ (TV on Mobile) ซึ่งความพยายามของผู้ให้บริการเครือข่ายแต่ละราย ทำให้เกิดกระแสความสนใจใช้บริการ Non-Voice เพิ่มมากขึ้น
รูปที่ 3 และ 4 แสดงถึงความสำคัญของรายได้ที่เกิดขึ้นจากบริการ Non-Voice นับตั้งแต่ช่วงต้นปี พ.ศ. 2546 เป็นต้นมา อันมีผลทำให้บรรดาผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่สามารถเพิ่มค่า ARPU ของตนให้มีแนวโน้มสูงขึ้น พร้อม ๆ กับการเพิ่มจำนวนผู้ใช้บริการภายในเครือข่ายของตน ซึ่งแตกต่างจากสภาพการณ์ในช่วงก่อนหน้านี้ที่รายได้เฉลี่ยของตนตกลงเรื่อย ๆ สวนทางกับการเพิ่มจำนวนของกลุ่มผู้ใช้บริการ โดยเฉพาะเมื่อพิจารณาถึงกลุ่มผู้ใช้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่พร้อมใช้ ซึ่งถือเป็นกลุ่มผู้ใช้บริการส่วนใหญ่ของประเทศ มีการเพิ่มค่า ARPU ขึ้นอย่างต่อเนื่อง แม้ส่วนหนึ่งจะมาจากนโยบายการตลาดของผู้ให้บริการที่มีการจำกัดเวลาในการโทรให้สัมพันธ์กับวงเงินก็ตาม แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้เช่นกันว่า ความนิยมในบริการ Non-Voice ประเภท SMS และ EMS โดยเฉพาะที่อยู่ในรูปแบบของบริการดาวน์โหลดรูปภาพ (Logo/Animation) และเสียงเรียกเข้า (Ringtone) ในกลุ่มวัยรุ่นและนักศึกษามีผลอย่างเป็นนัยสำคัญต่อการเพิ่มค่า ARPU ดังกล่าว
ข้อจำกัดของเครือข่าย 2.5G และ 2.75G
มาตรฐานโทรศัพท์เคลื่อนที่ 2.5G หรือ 2.75G แม้จะสามารถรองรับการสื่อสารประเภท Non-Voice ได้ แต่ก็ไม่อาจสร้างบริการประเภท Killer Application ที่ผลิกผันรูปแบบการให้บริการได้อย่างชัดเจน ดังจะเห็นได้จากสถาการณ์การให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ในประเทศไทย ที่แม้จะมีการเติบโตอย่างชัดเจนในตลาดประเภท Non-Voice แต่เมื่อศึกษาอย่างละเอียดก็จะพบว่าบริการที่ประสบความสำเร็จเกือบทั้งหมด ล้วนเป็นบริการประเภท SMS และ EMS ทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นการดาวน์โหลดรูปภาพหรือเสียงเรียกเข้า รวมถึงการเล่นเกมส์ตอบปัญหาหรือส่งผลโหวตที่ปรากฏอยู่ตามสื่อชนิดต่าง ๆ ซึ่งบริการเหล่านี้ล้วนเป็นบริการพื้นฐานในเครือข่าย 2G
ข้อจำกัดของเครือข่ายโทรศัพท์เคลื่อน 2.5G และ 2.75G เกิดขึ้นมาจากความพยายามพัฒนาเครือข่าย 2G เดิม ไม่ว่าจะเป็นมาตรฐาน GSM หรือ CDMA ให้เกิดประโยชน์สูงสุด คุ้มค่าการลงทุน ทำให้ผู้ให้บริการเครือข่ายไม่อาจบริหารจัดการทรัพยากรเครือข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ได้อย่างคล่องตัว โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกรณีของเครือข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ GSM ไม่ว่าจะเป็นย่านความถี่ 900 เมกะเฮิตรซ์ , 1800 เมกะเฮิตรซ์ หรือ 1900 เมกะเฮิตรซ์ เนื่องจากอุปกรณ์ที่มีการติดตั้งใช้งานมาตั้งแต่การเปิดให้บริการในยุค 2G ล้วนเป็นเทคโนโลยีเก่า มีการทำงานแบบ Time Division Multiple Access (TDMA) ซึ่งเป็นเทคโนโลยีเก่า ต้องจัดสรรวงจรให้กับผู้ใช้งานตายตัว ไม่สามารถนำทรัพยากรเครือข่ายมาใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ เทคโนโลยีดังกล่าวเหมาะสำหรับการสื่อสารข้อมูลแบบ Voice ซึ่งต้องการคุณภาพและความคมชัดในการสนทนา
แม้เมื่อมีการพัฒนาเทคโนโลยี GPRS และ EDGE ซึ่งถือเป็นการเสริมเทคโนโลยีสื่อสารข้อมูลแบบแพ็กเกตสวิตชิ่ง (Packet Switching) ที่มีความยืดหยุ่นในการสื่อสารข้อมูลแบบ Non-Voice ในลักษณะเดียวกับที่พบในเครือข่ายอินเทอร์เน็ตก็ตาม แต่เทคโนโลยีทั้ง 2 ประเภทนี้ก็ถือว่าเป็นการ ต่อยอด บนเครือข่ายแบบเดิมที่มีการทำงานแบบ TDMA ทำให้ผู้ให้บริการเครือข่ายต้องพะวงกับการจัดสรรทรัพยากรช่องสื่อสาร โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับการจัดสรรวงจรสื่อสารผ่านคลื่นความถี่วิทยุจากสถานีฐานไปยังเครื่องลูกข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ ทำให้ไม่สามารถเปิดให้บริการแบบ Non-Voice ได้อย่างเต็มรูปแบบ เนื่องจากจะทำให้เกิดผลรบกวนต่อจำนวนวงจรสื่อสารแบบ Voice มากจนเกินไป
ด้วยเหตุดังกล่าว จึงพบว่าไม่มีผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ 2.5G หรือ 2.75G รายใดในโลก สามารถเปิดให้บริการเทคโนโลยี GPRS ด้วยอัตราเร็วสูงสุด 171 กิโลบิตต่อวินาที หรือ EDGE ด้วยอัตราเร็ว 384 กิโลบิตต่อวินาทีได้ เนื่องจากการทำเช่นนั้นจะทำให้สถานีฐาน (Base Station) ที่ทำหน้าที่รับส่งสัญญาณกับเครื่องลูกข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ ไม่มีวงจรสื่อสารเหลือสำหรับให้บริการแบบ Voice อีกต่อไป ผลที่เกิดขึ้นในมุมมองของผู้ใช้บริการก็คือความเชื่องช้าในการสื่อสารข้อมูลผ่านเครือข่าย 2.5G และ 2.75G ทำให้หมดความสนใจที่จะใช้บริการต่อไป โดยในขณะเดียวกันก็มีบริการสื่อสารอัตราเร็วสูงแบบบรอดแบนด์ผ่านคู่สาย เช่น DSL (Digital Subscriber Line) เป็นทางเลือกสำหรับใช้บริการ ความสนใจที่จะใช้เครือข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่เพื่อรับส่งข้อมูลจึงมีอยู่เฉพาะการเล่นเกมส์และส่ง SMS, MMS ซึ่งทำได้ง่าย และมีการประชาสัมพันธ์ดึงดูดใจมากมาย
มาตรฐานโทรศัพท์เคลื่อนที่ 3G
เพื่อเป็นการเพิ่มความคล่องตัวในการเปิดให้บริการ Non-Voice อย่างเต็มรูปแบบ พร้อมทั้งยังคงรักษาคุณภาพในการให้บริการ Voice ด้วยระดับคุณภาพที่ทัดเทียมหรือดีกว่าในยุค 2G องค์กรสากล 3GPP (Third Generation Program Partnership) และ 3GPP2 จึงได้กำหนดมาตรฐานโทรศัพท์เคลื่อนที่ 3G ขึ้น โดยมีมาตรฐานสำคัญอยู่ 2 ประเภท คือ
มาตรฐาน UMTS (Universal Mobile Telecommunications Services) เป็นมาตรฐานที่ออกแบบมาสำหรับผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ได้นำไปพัฒนาจากยุค 2G/2.5G/2.75G ไปสู่มาตรฐานยุค 3G อย่างเต็มตัว รับผิดชอบการพัฒนามาตรฐานโดยองค์กร 3GPP มีเทคโนโลยีหลักที่ปัจจุบันมีการยอมรับใช้งานทั่วโลกคือมาตรฐาน Wideband Code Division Multiple Access (W-CDMA) โดยในอนาคตจะมีการพัฒนาต่อเนื่องไปสู่มาตรฐาน HSDPA (High Speed Downlink Packet Access) ซึ่งรองรับการสื่อสารด้วยอัตราเร็วสูงถึง 14 เมกะบิตต่อวินาที หรือเร็วกว่าการสื่อสารแบบ 2.75G ถึง 36 เท่า มาตรฐาน W-CDMA นี้เองที่กิจการร่วมค้า ไทย - โมบาย กำลังจะดำเนินการพัฒนาเพื่อเปิดให้บริการภายในต้นปี พ.ศ. 2548 นอกจากจะเป็นเส้นทางในการพัฒนาสู่มาตรฐาน 3G ของบรรดาผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ GSM แล้ว มาตรฐาน W-CDMA ยังได้รับการยอมรับจากผู้ให้บริการรายใหญ่อย่างบริษัท NTT DoCoMo ผู้เปิดให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ I-mode ซึ่งใช้เทคโนโลยี PDC ให้เป็นมาตรฐาน 3G สำหรับใช้งานภายใต้เครื่องหมายการค่า “FOMA” โดยได้เปิดให้บริการในประเทศญี่ปุ่นตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2544 เป็นต้นมา และปัจจุบัน W-CDMA ได้กลายเป็นเครือข่าย 3G ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศญี่ปุ่น มาตรฐาน cdma2000 เป็นการพัฒนาเครือข่าย CDMA ให้รองรับการสื่อสารในยุค 3G รับผิดชอบการพัฒนามาตรฐานโดยองค์กร 3GPP2 มีเทคโนโลยีหลักคือ cdma2000-3xRTT ที่มีศักยภาพเทียบเท่ากับมาตรฐาน W-CDMA ของค่ายยุโรป แต่ปัจจุบันยังไม่มีกำหนดความพร้อมสำหรับให้บริการเชิงพาณิชย์ที่ชัดเจน สำหรับในประเทศไทย บริษัท ฮัทชิสัน ซีเอที ไวร์เลส มัลติมีเดีย จำกัด เปิดให้บริการเฉพาะเครือข่าย cdma20001xEV-DO ซึ่งยังมีขีดความสามารถเทียบเท่าเครือข่าย 2.75G เท่านั้น
มาตรฐานโทรศัพท์เคลื่อนที่ W-CDMA ได้รับการออกแบบมาเพื่อให้รองรับการสื่อสารแบบมัลติมีเดียสมบูรณ์แบบ โดยเปลี่ยนแปลงรูปแบบการสื่อสารชนิด TDMA ที่ปรากฏอยู่ในเครือข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ยุค 2G/2.5G/2.75G ไปเป็นการสื่อสารแบบแพ็กเกตสวิทชิ่งเต็มรูปแบบ สามารถรองรับทั้งการสื่อสารทั้ง Voice และ Non-Voice โดยมีมาตรฐานการรองรับและควบคุมคุณภาพของข้อมูลที่สมบูรณ์แบบ อันเป็นผลต่อเนื่องมาจากความก้าวหน้าของเทคโนโลยีการเข้ารหัสข้อมูล (Information Coding) จึงทำให้ผู้ให้บริการเครือข่าย 3G ก้าวพ้นจากข้อจำกัดในการบริหารจัดการข้อมูลประเภท Voice และ Non-Voice ดังที่ปรากฏอยู่ในมาตรฐาน 2G/2.5G/2.75G ได้อย่างเด็ดขาด
อย่างไรก็ตามเพื่อให้เครือข่าย W-CDMA สามารถรองรับการสื่อสารข้อมูลได้อย่างเต็มรูปแบบ และให้เกิดความคล่องตัวในการจัดสรรทรัพยากรความถี่วิทยุ จึงจำเป็นต้องมีการกำหนดย่านความถี่สำหรับใช้เปิดให้บริการ โดยเป็นไปตามแผนผังการจัดวางความถี่สากลทั่วโลกดังแสดงในรูปที่ 5 ด้วยเหตุดังกล่าวจึงทำให้ กิจการร่วมค้าไทย - โมบาย เป็นเพียงผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่รายเดียวในประเทศไทยที่สามารถเปิดให้บริการเครือข่าย 3G แบบ W-CDMA ได้ในทันที เนื่องจากมีสิทธิ์ใช้คลื่นความถี่วิทยุในย่าน 1965 – 1980 เมกะเฮิตรซ์ และ 2155 – 2170 เมกะเฮิตรซ์ ขณะที่ผู้ให้บริการเครือข่ายรายอื่น ๆ จำเป็นต้องยื่นคำร้องผ่านกระบวนการจัดสรรคลื่นความถี่วิทยุโดยคณะกรรมการกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์แห่งชาติ (กสช.) ซึ่งคาดว่าจะต้องใช้เวลาอีกหลายปีเพื่อได้สิทธิ์ในการเปิดให้บริการ W-CDMA เป็นรายต่อไป
จุดเด่นของมาตรฐานโทรศัพท์เคลื่อนที่ 3G แบบ W-CDMA
นอกจากมาตรฐานโทรศัพท์เคลื่อนที่ 3G จะมีการพัฒนาเทคโนโลยีสถานีฐาน (Base Station Subsystem) จากยุค 2G ซึ่งใช้เทคโนโลยี TDMA เป็นการรับส่งข้อมูลในรูปแบบแพ็กเกตเพื่อความคล่องตัวในการจัดสรรทรัพยากรความถี่สำหรับให้บริการทั้งแบบ Voice และ Non-Voice อย่างเกิดประโยชน์สูงสุด อันจะช่วยสร้างความรู้สึกให้กับผู้ใช้บริการ (End User Perception) ถึงความรวดเร็วในการสื่อสารข้อมูล และยังคงรักษาคุณภาพของการสนทนาที่เหนือกว่ามาตรฐาน 2G/2.5G/2.75G แล้ว มาตรฐาน W-CDMA ยังมีความคล่องตัวในการเชื่อมต่อเข้ากับเครือข่ายข้อมูลที่อยู่ในโลกอินเทอร์เน็ต เนื่องจากมาตรฐานการเชื่อมต่อต่าง ๆ สอดรับกับมาตรฐานของอุตสาหกรรมอินเทอร์เน็ตทุกประการ ก่อให้เกิดการเปิดกว้างในรูปแบบของความร่วมมือกับพันธมิตรจำนวนมาก มีความคล่องตัวในการบันทึก จัดเก็บ และบริหารจัดการข้อมูลประเภทสื่อข้อมูล (Content) ต่าง ๆ
เมื่อทำการเปรียบเทียบเฉพาะด้านของอัตราเร็วในการสื่อสารข้อมูลดังแสดงในรูปที่ 6 จะเห็นว่ามาตรฐานโทรศัพท์เคลื่อนที่ 3G นอกจากจะรองรับการสื่อสารข้อมูลที่รวดเร็วกว่ามาตรฐาน 2G/2.5G/2.75G แล้ว ยังก่อให้เกิดการถือกำเนิดของบริการรูปแบบใหม่ ๆ ที่ไม่สามารถสร้างขึ้นบนเครือข่ายยุคในตระกูล 2G/2.5G/2.75G ได้ ที่เห็นได้ชัดเจนก็คือบริการ Video Telephony และ Video Conference ซึ่งเป็นการสื่อสารแบบเห็นหน้ากัน โดยเครือข่าย 3G จะทำการถ่ายทอดสดทั้งภาพและเสียงระหว่างคู่สนทนา โดยไม่เกิดความหน่วงหรือล่าช้าของข้อมูล บริการในลักษณะนี้จะกลายเป็น จุดขาย สำคัญประการหนึ่งของมาตรฐานการสื่อสารแบบ 3G ทั้งนี้เครื่องลูกข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ 3G ที่มีจำหน่ายในปัจจุบัน ล้วนรองรับบริการ Video Telephony แล้วทั้งสิ้น จึงสามารถเปิดให้บริการดังกล่าวได้ในทันที
ข้อมูลจาก UMTS Forum ในรูปที่ 7 แสดงให้เห็นถึงการเติบโตของจำนวนผู้ใช้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ 3G แบบ W-CDMA เปรียบเทียบกับมาตรฐาน GSM โดยพิจารณาอัตราการเติบโตภายในช่วง 10 ไตรมาสแรก (2 ปีครึ่ง) หลังจากการเปิดให้บริการ GSM ในเดือนมกราคม พ.ศ. 2535 เทียบกับ 10 ไตรมาสแรกหลังจากการเปิดให้บริการ W-CDMA ในเดือนตุลาคม พ.ศ. 2544 พบว่าเครือข่าย 3G แบบ W-CDMA มีอัตราการเติบโตที่สูงกว่ามาก มูลเหตุสำคัญมาจากแรงผลักดัน (Business Momentum) ที่ผู้ใช้บริการ 2.5G หรือ 2.75G รอคอยเครือข่ายสื่อสารไร้สายที่สามารถตอบสนองความต้องการในการสื่อสารข้อมูลด้วยอัตราเร็วสูงอย่างแท้จริง อีกทั้งผู้ให้บริการเครือข่ายยังมีความคล่องตัวในการจัดสรรเครือข่ายในด้านต่าง ๆ เพื่อสร้างบริการสื่อสารประเภท Non-Voice ที่ต้องพึ่งพาอัตราเร็วในการสื่อสารข้อมูลที่สูงขึ้น นอกเหนือจากบริการ Non-Voice พื้นฐานอย่าง SMS และ EMS
กล่าวโดยสรุป ปัจจัยสำคัญที่ส่งผลให้มาตรฐานเครือข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ 3G แบบ W-CDMA มีแนวโน้มของการประสบความสำเร็จทางธุรกิจที่รวดเร็วกว่ามาตรฐาน 2G จนถึง 2.75G นั้น สืบเนื่องมาจากการปฏิวัติรูปแบบของเทคโนโลยีเครือข่าย เพื่อตอบสนองรูปแบบการสร้างความร่วมมือทางธุรกิจให้ผลักดันบริการ Non-Voice อย่างเต็มรูปแบบ ทั้งนี้ UMTS Forum ได้กล่าวถึงจุดเด่นของมาตรฐาน W-CDMA ซึ่งจะนำความสำเร็จในการดำเนินธุรกิจให้กับผู้ประกอบการดังนี้ (เอกสาร Why the world has chosen W-CDMA : 24 September 2003)
1. เครือข่าย W-CDMA รับประกันคุณภาพในการรองรับข้อมูลแบบ Voice และ Non-Voice ในแง่ของผู้ใช้บริการจะรับรู้ได้ว่าคุณภาพเสียงจากการใช้งานเครือข่าย 3G ชัดเจนกว่าหรืออย่างน้อยเทียบเท่าการสนทนาผ่านเครือข่าย 2G ส่วนการรับส่งข้อมูลแบบ Non-Voice จะรับรู้ถึงอัตราเร็วในการสื่อสารที่สูงกว่าการใช้งานผ่านเครือข่าย 2.5G และ 2.75G มาก อันเป็นผลมาจากการปรับเปลี่ยนเทคโนโลยีเครือข่าย และใช้ย่านความถี่ที่สูงขึ้น
2. W-CDMA เป็นมาตรฐานเปิด (Open Standard) ซึ่งได้รับการพัฒนาโดยกลุ่ม 3GPP ซึ่งเป็นกลุ่มเดียวกับผู้พัฒนามาตรฐาน GSM ทำให้ผู้ให้บริการ 3G สามารถเชื่อมต่อเครือข่าย 3G เข้าหากันได้ถึงขั้นอนุญาตให้มีการใช้งานข้ามเครือข่าย (Roaming) เช่นเดียวกับที่เป็นอยู่ในเครือข่ายยุค 2G นอกจากนั้นยังสามารถเชื่อมต่อเพื่อการใช้งานข้ามเครือข่ายกับมาตรฐาน 2G/2.5G/2.75G ได้ในทันที โดยผู้ใช้บริการเพียงมีอุปกรณ์สื่อสารแบบ Dual Mode เท่านั้น ทำให้เกิดลู่ทางในการสร้างเครือข่าย W-CDMA เพื่อเปิดให้ผู้ประกอบการเครือข่ายรายอื่นได้ร่วมเข้าใช้บริการ ในลักษณะของ Mobile Virtual Network Operator (MVNO) เป็นรายได้ที่สำคัญนอกเหนือจากการให้บริการ 3G กับผู้ใช้บริการที่จดทะเบียนภายในเครือข่าย
3. มาตรฐาน W-CDMA เป็นมาตรฐานโลก ที่จะเข้ามาแทนที่เครือข่ายในตระกูล GSM เช่นเดียวกับเหตุการณ์ที่เครือข่าย GSM เข้ามาแทนที่เครือข่าย 1G เมื่อกว่า 10 ปีที่แล้ว จึงเป็นการรับประกันถึงพัฒนาการที่มีอย่างต่อเนื่องในด้านต่าง ๆ การเร่งเปิดให้บริการ 3G จึงเปรียบได้กับการเร่งเข้าสู่ตลาดโทรศัพท์เคลื่อนที่ 2G ของผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ยักษ์ใหญ่ในปัจจุบันที่เกิดขึ้นในอดีต
4. พิจารณาเฉพาะการให้บริการแบบ Voice จะเห็นว่าการลงทุนสร้างเครือข่าย W-CDMA มีต้นทุนที่ต่ำกว่าการสร้างเครือข่าย GSM ถึงกว่า 30 เปอร์เซ็นต์ เนื่องจากมาตรฐาน W-CDMA มีความยืดหยุ่นและคล่องตัวให้ผู้ประกอบสามารถปรับเปลี่ยนทรัพยากรความถี่เพื่อรองรับ Voice และ Non-Voice ได้อย่างผสมผสาน ต่างจากการกำหนดทรัพยากรตายตัวในกรณีของเทคโนโลยี GSM
5. W-CDMA เป็นมาตรฐานสื่อสารไร้สายชนิดเดียวที่มีรูปแบบการทำงานแบบแถบความถี่กว้าง (Wideband) อันนำมาซึ่งประสิทธิภาพในการสร้างพื้นที่ให้บริการที่กว้างใหญ่ ไปพร้อม ๆ กับความสะดวกในการเพิ่มขยายขีดความสามารถในการรองรับข้อมูลข่าวสาร ต่างจากเครือข่าย 2G โดยทั่วไปที่ปัจจุบันเริ่มประสบกับปัญหาการจัดสรรความถี่ที่ไม่เพียงพอต่อการขยายเครือข่าย เนื่องจากเป็นระบบแบบแถบความถี่แคบ (Narrow Band)
6. กลไกการทำงานภายในเครือข่าย W-CDMA เป็นไปตามมาตรฐานสากล โดยเฉพาะมาตรฐาน IETF (Internet Engineering Task Force) ทำให้ผู้ประกอบการสามารถเปิดโอกาสให้พันธมิตรทางธุรกิจซึ่งมีความเชี่ยวชาญในการพัฒนาโปรแกรมหรือบริการพิเศษต่าง ๆ บนเครือข่ายอินเทอร์เน็ต ได้ทำการพัฒนาสร้างบริการผ่านอุปกรณ์สื่อสารไร้สาย โดยใช้ทักษะความสามารถและความชำนาญที่มีอยู่ เป็นการกระตุ้นให้เกิดบริการประเภท Non-Voice ได้สารพัดรูปแบบ
7. มีแนวทางในการพัฒนาขีดความสามารถในรองรับการสื่อสารข้อมูลที่มีอัตราเร็วสูงขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการพัฒนาสู่มาตรฐาน HSDPA ที่รองรับการสื่อสารข้อมูลด้วยอัตราเร็วที่สูงมากถึง 14 เมกะบิตต่อวินาที ในขณะที่มาตรฐานโทรศัพท์เคลื่อนที่ GSM ไม่สามารถพัฒนาให้รองรับการสื่อสารข้อมูลได้มากกว่าเทคโนโลยี EDGE ในปัจจุบัน ซึ่งรองรับข้อมูลได้ด้วยอัตราเร็ว 384 กิโลบิตต่อวินาที และในความเป็นจริงก็ไม่สามารถเปิดให้บริการด้วยอัตราเร็วถึงระดับดังกล่าวได้ เนื่องจากจะทำให้สถานีไม่สามารถรองรับบริการ Voice ได้อีกต่อไป
8. ในอนาคตมาตรฐานโทรศัพท์เคลื่อนที่ 3G มีทิศทางการพัฒนาที่ชัดเจนในการรวมตัวกับมาตรฐานสื่อสารไร้สายชนิดอื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็นมาตรฐาน Wireless LAN (IEEE802.11b/g) หรือ WiMAX (IEEE802.16d/e/e+) ทำให้ผู้ใช้บริการเครือข่ายไร้สายสามารถเคลื่อนย้ายไปใช้งานในเครือข่ายใด ๆ ก็ได้ตามความเหมาะสมทางภูมิประเทศ โดยยังคงได้รับการดูแลโดยผู้ให้บริการเครือข่าย 3G
ความสำคัญต่าง ๆ เหล่านี้เองที่เป็นแรงผลักดันให้ผู้ประกอบการโทรศัพท์เคลื่อนที่ GSM จำนวนมากทั่วโลก รวมนักลงทุนหน้าใหม่ ให้ความสำคัญสำหรับการแสวงหาสิทธิ์ในการเปิดให้บริการเครือข่าย 3G และมีแผนกำหนดเปิดให้บริการเทคโนโลยี W-CDMA ดังมีข้อมูลแสดงในรูปที่ 8 โดยเฉพาะยักษ์ใหญ่ผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่อันดับต้น ๆ ของโลก 8 รายได้ตัดสินใจเลือกมาตรฐาน W-CDMA เป็นเทคโนโลยี 3G ดังแสดงในรูปที่ 9
ในท้ายที่สุด ความสมบูรณ์แบบในการรองรับธุรกิจ Non-Voice ของมาตรฐานโทรศัพท์เคลื่อนที่ 3G แบบ W-CDMA จะช่วยผลักดันให้เกิดห่วงโซ่ธุรกิจที่สมบูรณ์แบบ ดังแสดงในรูปที่ 10 แม้จะมีความพยายามในกลุ่มผู้ประกอบการธุรกิจโทรคมนาคมภายในประเทศที่จะผลักดันให้เกิดการประสานผลประโยชน์อย่างลงตัวระหว่างผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ 2G/2.5G/2.75G กับผู้ประกอบการสื่อข้อมูลต่าง ๆ มาก่อนหน้านี้ แต่เนื่องจากข้อจำกัดของเครือข่ายในตระกูล GSM และ CDMA เองที่ไม่มีความยืดหยุ่นเพียงพอที่จะสร้างความประทับใจต่อผู้ใช้บริการ จึงทำให้เกิดการขาดช่วงของความสมดุลในการผสานผลประโยชน์ เมื่อพิจารณาจากความสำเร็จของเครือข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ FOMA ของบริษัท NTT DoCoMo ซึ่งเป็นผู้ให้บริการรายแรกที่เปิดให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ 3G แบบ W-CDMA และประสบความสำเร็จในการดึงศักยภาพของเครือข่าย W-CDMA ให้เกื้อหนุนต่อความลงตัวสำหรับการร่วมมือในธุรกิจ Non-Voice ในประเทศญี่ปุ่นอย่างงดงาม ต่อเนื่องด้วยความคืบหน้าในการสานต่อโครงสร้างธุรกิจ Non-Voice ในประเทศจีนและอีกหลาย ๆ ประเทศ จึงสรุปได้ว่ามาตรฐานโทรศัพท์เคลื่อนที่ 3G แบบ W-CDMA จะเป็นการเปิดประตูสู่ธุรกิจ Non-Voice ในประเทศไทยในอนาคตอันใกล้

วันจันทร์ที่ 13 กันยายน พ.ศ. 2553

เตือนสาวก"บีบี "ระวังอาการนิ้วล็อค-ข้อมืออักเสบ





เตือนสาวก"แบล็กเบอรี่"แช็ตถี่เป็นเวลานาน ระวังอาการนิ้วล็อค-ข้อมืออักเสบ หมอเผยปัจจุบันมีผู้มารักษามาก ระบุสาเหตุหนึ่งมาจากอาการติดบีบี จักษุแพทย์เผยเกิดโรค "บีบีวิชั่นซินโดรม"แล้ว วัยรุ่นรับเกิดอาการจริงหากใช้ต่อเนื่อง
บีบี (แบล็กเบอร์รี่) มือถือสุดฮิต ซึ่งขณะนี้เป็นที่นิยมในกลุ่มวัยรุ่นและกลุ่มคนวัยทำงาน โดยส่วนใหญ่นิยมใช้สื่อสารด้วยโปรแกรมแช็ตที่สามารถทำได้ทุกที่ทุกเวลา และใช้ได้บ่อยครั้งตามที่ต้องการ วัยรุ่นและกลุ่มคนวัยทำงานจำนวนไม่น้อย ยอมรับว่าติดบีบีเป็นอย่างมาก บางคนต้องสนทนาผ่านตัวอักษรในบีบีทุก 5 นาที โดยการสนทนาในแต่ละครั้งสาวกบีบีต้องอาศัยการอ่านตัวหนังสือที่หน้าจอโทรศัพท์ซึ่งมีขนาดเล็ก และยังต้องอาศัยนิ้วกดแป้นตัวอักษรเพื่อสนทนาตอบโต้ ผลจากพฤติกรรมดังกล่าว เริ่มส่งผลกระทบต่อผู้ติดบีบีแล้ว

นพ.ธีรวัฒน์ กุลทนันทน์ คณบดีคณะแพทยศาสตร์ ศิริราชพยาบาล เปิดเผย "มติชน" เมื่อวันที่ 12 กันยายน ปัจจุบันมีคนไข้ที่เข้ามารับการรักษาข้อมือ รวมทั้งรักษาอาการนิ้วล็อคเป็นจำนวนมาก ซึ่งอาการดังกล่าวเกิดจากการใช้งานของนิ้วและข้อมือมาก สาเหตุความเสี่ยงของโรคอาจมาจากการพิมพ์งานนาน การทำกับข้าวหั่นหมู หั่นผัก และที่น่าเป็นห่วงมากๆ ในตอนนี้คือ การพิมพ์ข้อความทางโทรศัพท์ ขณะนี้มีคนไข้เข้ามารับการรักษาข้อมือ และนิ้วล็อควันละหลายสิบราย โดยเฉพาะผู้หญิงทั้งวัยรุ่นและวัยทำงาน
สาเหตุมีหลายอย่าง แต่ที่น่าห่วงคือ การใช้บีบีเพราะลักษณะการใช้งานของบีบี แป้นพิมพ์จะแคบและมีขนาดเล็กมากๆ ลักษณะการวางมือของผู้ใช้มีความลำบาก เมื่อผู้ใช้พิมพ์บ่อยๆ วันละหลายๆ สิบครั้ง อาจมีผลกระทบตามมาได้ เช่น มีอาการเอ็นข้อมืออักเสบ เวลากระดกนิ้วหัวแม่มือจะเกิดอาการเจ็บ ยิ่งใช้นานก็ยิ่งมีอาการเพิ่มขึ้น อย่างอาการเกร็งที่นิ้วตรงข้อต่อ ส่งผลให้บริเวณปลายนิ้วมีกระดูกปูดขึ้นมา เพราะมีหินปูนไปจับทำให้รู้สึกเจ็บ ส่วนบริเวณข้อมือ ตรงฝ่ามือจะมีพังผืด ถ้าใช้งานมากจะหนาตัวขึ้นและไปกดทับเส้นประสาททำให้มือชา นิ้วชา ทำให้เกิดอาการนิ้วล็อค บริเวณโคนนิ้วมือจะเจ็บ เวลากำหรือเหยียดจะลำบากในระยะแรก เมื่อปล่อยทิ้งไว้นานจะทำให้งอและเหยียดไม่ออก

นพ.ธีรวัฒน์กล่าวอีกว่า อาการที่เกิดขึ้นกับมือและข้อมือที่กล่าวมาข้างต้นนั้น หากยังใช้งานมากเกินไป ในทุกๆ วันจะเจ็บปวดมากจนถึงขั้นต้องรักษาด้วยการฉีดยา หรือถึงขั้นผ่าตัดในที่สุด ดังนั้น ควรลดการใช้งานของบีบีหากมีอาการเจ็บที่ปลายนิ้วมือตรงข้อต่อแสดงว่าใช้งานมากไป ควรลดลงหรือปรับท่าใช้งาน และป้องกันเบื้องต้นด้วยการยืดเหยียดมืออยู่เสมอ ยืดนิ้วมือ หรือข้อมือ และประสานมือเหยียดออกไป หากมีเวลาให้นำมือแช่น้ำอุ่นเพื่อผ่อนคลายบ้างก็เป็นการบรรเทาอาการดังกล่าว
ส่วนผลกระทบต่อสุขภาพจากการเล่นบีบีในด้านอื่นนั้น นพ.ฐาปนวงศ์ ตั้งอุไรวรรณ จักษุแพทย์โรงพยาบาลพระนั่งเกล้า กล่าวถึงอาการติดบีบีที่ส่งผลกระทบต่อสายตาว่า ขณะนี้มีโรค "บีบีวิชั่นซินโดรม" คือ การใช้สายตาเพ่งในสิ่งนั้นๆ นานเกิน 25 นาที จะทำให้ตาเกิดอาการล้า ปวดตา เมื่อยตา เนื่องจากแช็ตตลอดเวลา เพ่งไปที่ตัวหนังสือนานเกินไป ตาจะเริ่มแห้ง โดยเฉพาะแก้วตาดำจะแห้งจนมีอาการแสบ เคือง น้ำตาไหล และปวด อาการเหมือนโรคคอมพิวเตอร์ซินโดรม แต่ยังไม่มีรายงานทางแพทย์ว่าเกิดอันตรายจนถึงขั้นรุนแรง เพียงแค่จะแสบตา ปวดตา เมื่อนอนพักก็หายและควรเว้นระยะห่างหน้าจอกับสายตาในระยะที่มองได้ชัดที่สุด และไม่ควรแช็ตในที่มืดด้วย

นอกจากนี้ การใช้ บีบี ยังกลายเป็นประเด็นถกเถียงอย่างกว้างขวางถึงกาละเทศะ โดยเฉพาะ การใช้ บีบี ในโรงภาพยนตร์ แม้ว่า จะไม่มีเสียง แต่การที่ใช้บีบี พิมพ์ข้อความในโรงภาพยนต์ แสงสว่าง ได้รบกวนผู้ชมภาพยนตร์คนอื่นๆที่ต้องการชมภาพยนตร์ จนเกิดการโต้เถียงกันขึ้นแล้ว ดีจี จัดรายการวิทยุคลื่นเอฟเอ็ม 98.5 ผู้หนึ่งเสนอให้ ชะโงกหน้าไปอ่านบทความดังๆ เพราะประท้วง ความไร้มารยาทของผู้ใช้บีบีในโรงภาพยนตร์ ทางด้านกลุ่มผู้เล่นบีบี น.ส.สุพิชญา วงศ์วิทยกำจร อายุ 19 ปี นักศึกษามหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ กล่าวว่า ใช้บีบีมานานกว่า 2 ปี คุยกับครอบครัว เพื่อน และติดต่องาน อีกทั้งยังใช้เล่นอินเตอร์เน็ต ติดบีบีมาก เพราะสะดวกไม่ต้องโทรศัพท์ก็สามารถติดต่อสื่อสารกับคนอื่นได้ด้วยการแช็ต จะเล่นเฉพาะเวลาว่าง เคยเล่นนานที่สุดครึ่งชั่วโมง ตั้งแต่เล่นบีบียังไม่มีผลเสียอะไร แต่เพื่อนบางคนเล่นบีบีหนักมาก ตลอด 24 ชั่วโมง เดินก็เล่น กินข้าวก็เล่นทำให้เกิดอาการนิ้วโป้งชา บางคนเล่นติดต่อกันเป็นชั่วโมงจนเกิดอาการนิ้วโป้งล็อค ต้องหยุดเล่นและผ่อนคลายนิ้วจึงหาย

นายพิชญะ รัญเสวะ อายุ 15 ปี ชั้น ม.4 โรงเรียนนานาชาติบีพีเอส กล่าวว่า วัยรุ่นยุคนี้ต้องมีบีบี ถ้าไม่มีถือว่าเชย ส่วนตัวเพิ่งใช้ประมาณ 1 ปี คุยกับเพื่อนทุกวัน เพราะไม่เปลืองค่าโทรศัพท์ เสียค่าบริการเดือนหนึ่ง 300 บาทแต่แช็ตได้ไม่จำกัด แต่เวลาเล่นนานๆ มีผลเสียต่อร่างกาย เคยเล่นนานที่สุดประมาณ 40 นาที จะรู้สึกตาพร่า เบลอๆ บางครั้งเล่นขณะอยู่บนรถจะรู้สึกเวียนหัวมาก ต้องเลิกเล่นทันทีอาการจึงค่อยๆ ดีขึ้น
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์มติชน โดย :หมูอ้วน (ทีมงาน TeeNee.Com) โพสเมื่อ [ วันจันทร์ ที่ 13 กันยายน 2553 เวลา 08:09 น.]
แหล่งที่มา http://tnews.teenee.com/etc/55439.html

วันพฤหัสบดีที่ 9 กันยายน พ.ศ. 2553

เวลาอากาศหนาว ทำไมตัวเราต้องสั่น

ร่างกายคนเราปรกติจะมีอุณหภูมิคงที่ประมาณ 37 องศาเซลเซียส
ระดับอุณหภูมินี้จะรักษาร่างกายไม่ให้ร้อนหรือหนาวเกินไปโดยอัตโนมัติ
เมื่อรู้สึกร้อนเกินไป เหงื่อจะไหลออกมา ทำให้ร่างกายของเราเย็นลง
และเมื่อเรารู้สึกหนาวเกินไป อาการสั่นเทาจะช่วยให้ร่างกายอบอุ่นขึ้น
เมื่อรู้สึกหนาว ขนตามผิวหนังจะลุกซู่ช่วยดักอากาศที่รายรอบผิวหนังไว้
เพื่อปกป้องมิให้สูญเสียความร้อนไป


แหล่งที่ http://variety.teenee.com/foodforbrain/28760.html

วันพุธที่ 8 กันยายน พ.ศ. 2553

ประวัติของ Vespa

เวสป้า (Vespa) เป็นรถมอเตอร์สกู้ตเตอร์ เริ่มผลิตที่ Pontedera ประเทศอิตาลี ในปี ค.ศ. 1946 โดย Piaggio& Co,S.p.A เวสป้าแพร่หลายในช่วงปี 50s และ 60s เป็นที่นิยมกันในหมู่วัยรุ่นอังกฤษ โดยเฉพาะพวก Modsหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 Piaggio ที่แต่เดิมมีโรงงานผลิตชิ้นส่วนของเรือและส่วนเครื่องบิน หันมาผลิตเครื่องยนต์แบบง่ายในแบบ Four - Part P 108 ให้กับรถเวสป้า ที่โรงงาน Pontedera จึงเกิดความคิดที่สร้างยานพาหนะเล็ก ๆไว้เดินทางขนส่งและสำรวจใน โรงงานคือ MP5 หรือโดนัลดัค ซึ่งในรุ่นนี้ทำจากซากชิ้นส่วนของเครื่องบิน มันคือ Scooter รถจักรยานยนต์คันเล็ก ๆ ที่มีล้อต่ำ ๆ ช่วยต่อการขับขี่ไม่สิ้นเปลืองน้ำมันและราคาไม่แพงในเดือนธันวาคมปีค.ศ. 1945 รถเวสป้ารุ่น MP6 ก็ถูกผลิตออกมาด้วยองค์ประกอบหลายอย่างที่สะดวกสบาย มีล้ออะไหล่ซึ่งขับขี่แบบง่ายๆถ้าในเวลาขับขี่รถติดก็มีที่กำบังกันน้ำกระเด็นใส่ Enrico ได้ฟังเสียงรถ MP6 เขาร้องออกมาว่า"มันเหมือนตัวต่อ ร้องเลย" ตั้งแต่นั้นมา Enrico ก็เลยให้ชื่อเสียงเรียงนามเรียกรถนี้ว่า Vespa ซึ่งแปลว่าตัวต่อ (Wasp)รุ่นแรกมี scooterขนาดเล็กที่ใช้โครงสร้างตัวถังแบบชั้นเดียวแทน หลังจากผลิตรถรุ่นดังกล่าวได้ประมาณ 100 คัน จากนั้นจึงลงมือผลิตรุ่นที่ใช้ชื่อว่า Vespa (Wasp) ออกมารถรุ่นนี้มีความก้าวหน้ามากทั้งในด้านรูปทรงและ ด้านวิศวกรรม ซึ่งต่อมาได้กลายเป็นต้นแบบของVespa ที่มีการวางจำหน่ายในท้องตลาดจนถึงกลางทศวรรษ1990 scooter รุ่นแรกที่มีขนาดเครื่องยนต์เพียง 98cc.ต่อมาได้มีการพัฒนาให้มีขนาด 125cc. 150cc.และ 200cc. ตามลำดับ

วันอาทิตย์ที่ 5 กันยายน พ.ศ. 2553

เคล็ดลับดูแลร่างกาย 12 ประการ

เคล็ดลับ 12 ข้อ1. หวีผมบ่อยๆ: หวีผมเบาๆ บ่อยหน่อยช่วยให้ตาสว่างและรากผมแข็งแรง(ใช้หวีซี่ห่างหน่อยแปรงเบาหน่อยเพื่อกันผมหลุด)2. ถูใบหน้าบ่อยๆ: ล้างมือด้วยสบู่หรือเจลแอลกอฮอล์ให้สะอาดก่อนหลังจากนั้นใช้ฝ่ามือ 2 ข้างถู หน้าเบาๆ บ่อยหน่อยเพื่อกระตุ้นให้เลือดไหลเวียนดีขึ้น ใบหน้าเปล่งปลั่ง3. เคลื่อนไหวดวงตาบ่อยๆ: ให้มองไกล-มองใกล้ มองข้างนอก-ข้างใน มองบน-มองล่าง หลีกเลี่ยงการมอง หรือจ้อง อะไรนานๆ โดยเฉพาะคนที่ทำงานคอมพิวเตอร์ควรพักสายตาด้วยการมองไกลอย่างน้อยทุกชั่วโมง4. กระตุ้นใบหูบ่อยๆ: การดึงหู ดีดหู บีบหู ถูใบหูเบาๆ บ่อยหน่อย ช่วยบำรุงตานเถียน(จุดฝังเข็ม) ซึ่งเป็นตำแหน่งที่เก็บพลังงานของร่างกาย (ใต้สะดือ) สัมพันธ์กับไต ซึ่งเปิดทวารที่หู ทำให้แรงดี ป้องกันเสียงดังในหู หูตึง และอาการเวียนหัว5. ขบฟันบ่อยๆ: ขบฟันเบาๆ บ่อยหน่อย(ไม่ใช่ขบแรงดังกรอดๆ) ช่วยให้ฟันแข็งแรง และกระตุ้นการหลั่งน้ำย่อย6. ใช้ลิ้นดุนเพดานปากบ่อยๆ: ใช้ปลายลิ้น กระตุ้นเพดานบนด้านหน้าเป็นการกระตุ้นจุดฝังเข็ม เพื่อเชื่อมพลัง ลมปราณตู๋และเยิ่น ซึ่งเป็นเส้นควบคุมแนวกลางลำตัวส่วนหลัง และส่วนหน้าร่างกาย ทำให้เกิดการกระตุ้นการหลั่งสารน้ำ และน้ำลาย7. กลืนน้ำลายบ่อยๆ: การกลืนน้ำลายบ่อยๆ ช่วยกระตุ้นพลังบริเวณคอหอย และกระตุ้นการย่อยอาหาร8. หมั่นขับของเสีย: หมั่นขับของเสีย โดยเฉพาะดื่มน้ำให้พอ อาหารที่มีเส้นใย ออกกำลัง เพื่อ ป้องกันท้องผูก เมื่อปวดปัสสาวะหรืออุจจาระให้ถ่ายทันที อย่ารอโดยไม่จำเป็น การทิ้งของเสียไว้ในร่างกายนานเกินทำให้เกิดสารพิษ และการดูดซึมสารพิษ (กลับเข้าสู่ร่างกาย) มากขึ้น ทำให้ป่วยง่าย9. ถูหรือนวดท้องบ่อยๆ: ให้นวดท้องตามเข็มนาฬิกาเบาๆ เพื่อช่วยให้การขับถ่ายของเสียดีขึ้น10. ขมิบก้นบ่อยๆ: การขมิบก้นบ่อยๆ ช่วยป้องกันริดสีดวงทวารและท้องผูก11. เคลื่อนไหวทุกข้อ: การอยู่นิ่งๆ หรืออยู่ในท่าใดท่าหนึ่งนานเกินไปทำให้เกิดโรคได้ง่าย ควรเคลื่อนไหวข้อต่างๆ ให้ครบทุกข้อทุกวัน ฝึกฝนการใช้กล้ามเนื้อและข้อให้สมดุล เช่น การฝึกชี่กง ไท ้เก้ก โยคะ ฯลฯ
12. ถูผิวหนังบ่อยๆ: ใช้ฝ่ามือถูตามส่วนต่างๆ ของร่างกายคล้ายกับการถูตัวเวลาอาบน้ำ มีส่วนช่วยให้ เลือดและพลังไหลเวียนดี

วันพฤหัสบดีที่ 2 กันยายน พ.ศ. 2553

เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 2 กันยายน ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ศาลพิพากษาลงโทษจำคุก นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย , นางสโรชา พรอุดมศักดิ์ ผู้ดำเนินรายการ ทางสถานีโทรทัศน์ ASTV จำเลยที่ 1-2 ในความผิดฐานหมิ่นประมาททผู้อื่นโดยการโฆษณา เป็นเวลา 7 วัน ปรับคนละ 20,000 บาท ลงโฆษณาคำพิพากษาในหนังสือพิมพ์รายวันรวม 5 ฉบับเป็นเวลา 7 วัน โทษจำคุกรอลงอาญาไว้ 2 ปี ส่วน บริษัทแมเนเจอร์ มีเดียร์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) จำเลยที่ 3 ศาลมีคำสั่งให้ยกฟ้องในชั้นไต่สวนมูลฟ้องและให้จำหน่ายคดีออกจากสารบบความ
คดีนี้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นโจทก์ฟ้อง สรุปว่า เมื่อวันที่ 24 สิงหาคม 2550 จำเลยที่ 1- 2 ร่วมกันจัดรายการ ยามเฝ้าแผ่นดินทางสถานีโทรทัศน์ ASTV และนสพ.ผู้จัดการรายวันของจำเลยที่ 3 ตีพิมพ์ข้อความที่จำเลยที่ 1 – 2 กล่าวปราศรัยให้กลุ่มพันธมิตรที่สหรัฐฯ มาเผยแพร่ ทำนองว่า นายสุรเกียรติ เสถียรไทย อดีตรองนายกรัฐมนตรี สมัยรัฐบาลของ พ.ต.ท.ทักษิณ ระบุว่า สาเหตุที่ต้องออกจากรัฐบาล เนื่องจากทนไม่ได้ที่หลังการยึดอำนาจรัฐประหารเมื่อวันที่ 19 กันยายน 2549 ประมาณ 8 ชั่วโมง พ.ต.ท.ทักษิณ ได้พูดจาจาบจ้วงสถาบันเบื้องสูง จำเลยให้การปฎิเสธต่อสู้คดี
โดยศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานและคำเบิกความของทั้งสองฝ่ายนำสืบหักล้างกันแล้วเห็นว่า ฝ่ายโจทก์มีนายสมบูรณ์ คุปติมนัส เบิกความว่า จำเลยจัดทำรายงานโดยนำเทปที่นายสนธิ จำเลยที่ 1 พูดที่สหรัฐมาเผยแพร่ในรายการ มีเนื้อหาจาบจ้วงสถาบัน ทำนองว่านายสุรเกียรติ เล่าให้นายสนธิ จำเลยที่ 1 ฟังว่า หลังจากมีการปฏิวัติปี 2549 นายสุรเกียรติทนไม่ได้ ที่พ.ต.ท.ทักษิณพูดจาจาบจ้วงสถาบัน จนออกมาจากคณะรัฐมนตรี คดีมีประเด็นต้องพิจารณาว่าจำเลยที่ 1-2 ร่วมกันกระทำผิดจริงหรือไม่เห็นว่า ข้อความดังกล่าวอาจทำให้ผู้ฟังเข้าใจว่าโจทก์ทำตัวเสมอสถาบัน ซึ่งนายสนธิ จำเลยที่ 1ได้ซักค้านข้อความดังกล่าวแล้ว แต่ก็ไม่ได้นำสืบแก้ตัวแต่อย่างใด และข้อเท็จจริงยังปรากฎว่าไม่มีการดำเนินคดีกับโจทก์ในข้อหาดูหมิ่นเบื้องสูง
การกระทำของจำเลยจึงเป็นการใส่ความโจทก์ต่อบุคคลที่สามทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่นเกลียดชัง พิพากษาว่าจำเลยกระทำผิดตามฟ้องลงโทษจำคุกจำเลยทั้งสองดังกล่าว

ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์มติชน

โดย :Supply Chain (ทีมงาน TeeNee.Com) โพสเมื่อ [ วันพฤหัสบดี ที่ 2 กันยายน 2553 เวลา

แหล่งที่มา http://tnews.teenee.com/politic/54989.html

วันอังคารที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2553

BIM บิม น้ำมังคุดสกัดเข้มข้นชนิดซอง
BIM บิม น้ำมังคุดสกัดเข้มข้นชนิดซอง ในรูปแบบใหม่ ราคาประหยัด คุ้มค่ามากมาย อร่อยสดชื่นด้วยน้ำเนื้อมังคุดสด เปี่ยมคุณค่ามหัศจรรย์ของ GM-1 แซนโทนส์ธรรมชาติจากมังคุด เป็นผลงานวิจัย Operation Bim ล่าสุดของนักวิจัยไทยนำโดย ศ.ดร.พิเชษฐ์ วิริยะจิตรา ถ่ายทอดทางรายการ BIM1001. ผลของการศึกษาฤทธิ์ในการจับอนุมูลอิสระโดยวิธี ORAC (Oxygen Radical Absorbance Capacity) น้ำผลไม้อื่นๆและมังคุดได้ถูกนำมาทำการเปรียบเทียบ พบว่า มังคุดมีฤทธิ์ในการจับอนุมูลอิสระมากกว่า บลูเบอร์รี่ ทับทิม แครอท และ ราสเบอร์รี่2. ผลจากฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระของสารแซนโทน จึงป้องกันการเกิดออกซิเดชั่นของ LDL ซึ่งเป็นคลอเลสเตอรอลตัวร้าย จึงช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจอีกทั้งยังลดการทำลายเซลล์อันเป็นผลจากปฏิกิริยาลูกโซ่ จึงช่วยลดความเสี่ยงและชะลอการแก่ด้วย3. ผลต่อการยับยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็งต่างๆรวมถึงการตายของเซลล์มะเร็งในการศึกษาระดับห้องปฏิบัติการเช่น เซลล์มะเร็งเต้านม, เซลล์มะเร็งเม็ดเลือดขาว, เซลล์มะเร็งตับ, กระเพาะอาหาร และเซลล์มะเร็งปอด4. ผลดีต่อระบบภูมิคุ้มกันและยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อราและแบคทีเรียบางชนิดเช่น เชื้อวัณโรค, เชื้อ S. Enteritidis และ เชื้อ HIV5. การยับยั้งการหลั่งสารฮิสตามีน ซึ่งเป็นส่วนสำคัญในการป้องกันโรคภูมิแพ้6. การยับยั้งการสังเคราะห์สารพลอสตาแกลนดินอีทู ซึ่งเป็นสาเหตุของการเกิดกระบวนการอักเสบต่างๆเช่น การปวดอักเสบ กล้ามเนื้อและข้อ7. ฤทธิ์ในการช่วยขยายตัวของหลอดเลือด ดังนั้นจึงมีประโยชน์ในการลดความดันโลหิต น้ำมังคุดสกัดเข้มข้น บิม ( Mangosteen Juice Bim ) 1. ไม่เติมน้ำตาล2. ไม่เติมสีสังเคราะห์3. ไม่มีสารกันบูด4. ไม่แต่งกลิ่นด้วยสารเคมี5. ไม่มีส่วนเปลือกซึ่งอาจปนเปื้อนยาฆ่าแมลง6. ไม่มีแทนนินสีน้ำตาลเข้มจากเปลือกมากเกินจนเป็นพิษต่อตับ
แต่มีปริมาณมาตรฐานของ GM-1 Xanthone ประสิทธิภาพสูงสุดช่วยปรับระดับภูมิคุ้มกันให้สมดุล


แหล่งที่มา http://www.joelookyoung.com/allasianlifeproducts/BIM100-ภูมิคุ้มกันสมดุล-GM-1-สารสกัดจากมังคุด/BIM-บิม-น้ำมังคุดสกัดเข้มข้นชนิดซอง.html

วันศุกร์ที่ 27 สิงหาคม พ.ศ. 2553

การประกวดมิสยูนิเวิร์ส ประจำปี 2010 หรือนางงามจักรวาล ปี 2010 ซึ่งจัดกันที่มันดาเลย์ เบย์ รีสอร์ท แอนด์ กาสิโน ลาสเวกัส มลรัฐเนวาดา ประเทศสหรัฐอเมริกา เริ่มขึ้นเมื่อเวลา 08.00 น. วันที่ 24 สิงหาคม ตามเวลาในประเทศไทย หรือตรงกับเวลา 21.00 น.ของคืนวันที่ 23 สิงหาคมตามเวลาท้องถิ่น ซึ่งถ่ายทอดสดโดยสถานีโทรทัศน์สีกองทัพบกช่อง 7 โดยปรากฎว่า สาวงามจากประเทศ สามารถคว้ามงกุฎมิสยูนิเวิร์สประจำปีนี้ไปครองได้สำเร็จ
โดยรอบคัดเลือกสาวงามรอบ 15 คนแรก ได้แก่ Mariana Paola Vicente สาวงามจากประเทศเปอร์โตริโก้, Anna Poslavska จากยูเครน ,Jimena Navarrete จากเม็กซิโก ,Cilou Annys จากเบลเยี่ยม, Rozanna Purcell จากไอร์แลนด์ Nicole Flint จากแอฟริกาใต้, Malika Menard จากฝรั่งเศส,Jesinta Campbell จากออสเตรเลีย, Yendi Phillipps จากจาร์ไมก้า , Irina Antonenko จากรัสเซีย แอลเบเนีย ,Natalia Navarro จากโคลอมเบีย ,Jessica Scheel จากกัวเตมาลา , Jitka Valkova จากสาธารณรัฐเช็ค และ Venus Raj จากฟิลิปปินส์
ทั้งนี้ พบว่า ผู้ประกวดที่เข้ารอบ 15 คน มีเพียงนางงามจากฟิลิปปินส์เป็นสาวเอเชียคนเดียวก็เท่านั้น ขณะที่ ฝนทิพย์ วัชระตระกูล ไม่ติดรอบ 15 คน แต่อย่างใด
จากนั้นคัดเหลือ 10 คนสุดท้าย ได้แก่ ไอร์แลนด์ แอลบาเนีย ฟิลิปปินส์ จาไมการ์ เม็กซิโก ยูเครน เปอร์โตริโก้ แอฟริกาใต้ กัวเตมาลา ออสเตรเลีย
ทั้งนี้ ก่อนที่จะมีการประกาศ สาวงามผุ้เข้ารอบ มิสยูนิเวิร์ส 2010 5 คนสุดท้าย ได้มีการประกาศ 3 รางวัล สำคัญ ปรากฎกว่า สาวงามจากประเทศออสเตรเลีย Jesinta Campbell เป็นผู้คว้ารางวัลนางงามมิตรภาพ ขณะที่ ฝนทิพย์ วัชรตระกูล มิสไทยแลนด์ยูนิเวิร์ส คว้าไปได้ทั้งรางวัลขวัญใจช่างภาพและชุดประจำชาติยอดเยี่ยม


แหล่งที่มา http://entertain.teenee.com/thaistar/58161.html

วันพุธที่ 25 สิงหาคม พ.ศ. 2553

ประวัติจังหวัดนครนายก


นครนายกเป็นจังหวัดในภาคกลางสันนิษฐานว่าเคยเป็นเมืองสมัยทวาราวดีมีหลักฐานแนวกำแพงเนินดินและสันคูอยู่ที่ตำบลดงละครแต่นครนายกนั้นปรากฏหลักฐานในสมัยอยุธยาเป็นเมืองหน้าด่าน ทางทิศตะวันออกในสมัยพระเจ้าอู่ทองในปีพ.ศ.2437รัชกาลที่5ทรงจัดลักษณะการปกครองโดยแบ่งเป็น มณฑลนครนายกได้เข้าไปอยู่ในเขตมณฑลปราจีนบุรีจนเมื่อพ.ศ.2445ทรงเลิกธรรมเนียมการมีเจ้าครองเมือง และให้มีตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดขึ้นแทนและในช่วงพ.ศ.2486-2489นครนายกได้โอนไปรวมกับจังหวัดปราจีนบุรีและสระบุรีหลังจากนั้นจึงแยกเป็นจังหวัดอิสระ

จังหวัดนครนายกเดิมชื่อบ้านนาเล่ากันว่าในสมัยกรุงศรีอยุธยาดินแดนของนครนายกเป็นป่ารกชัฏ เป็นที่ดอนทำนาหรือทำการเพาะปลูกอะไรไม่ค่อยได้ผลมีไข้ป่าชุกชุมผู้คนจึงพากันอพยพไปอยู่ที่อื่น จนกลายเป็นเมืองล้างต่อมาพระมหากษัตริย์ทรงทราบความเดือดร้อนของชาวเมืองจึงโปรดให้ยกเลิกภาษีค่านา เพื่อจูงใจให้ชาวเมืองอยู่ที่เดิมทำให้มีผู้คนอพยพมาอยู่เพิ่มมากขึ้นจนเป็นชุมชนใหญ่และเรียก และเรียกเมืองนี้จนติดปากว่าเมืองนา-ยกภายหลังจึงกลายเป็นนครนายกจนทุกวันนี้
เขาค้อ
อุทยานแห่งชาติเขาค้อ
เขาค้อ มีชื่อเสียงในฐานะที่มีเป็นสถานที่ที่อากาศเย็นสบาย สดชื่นได้ทั้งปี แม้แต่ในฤดูร้อน อุณหภูมิเฉลี่ยตลอดทั้งปี เพียง 18-25 องศาเซลเซียสเท่านั้น นอกจากนี้ยังเป็นอำเภอที่ตั้งอยู่บนเทือกเขา ที่ประกอบด้วยภูเขา เนินใหญ่ เนินน้อย สลับกันไปมา สวยงาม ยอดเขาที่สูงที่สุดของเขาค้อ คือ เขาย่า ซึ่งเป็นที่ตั้งของพระตำหนักเขาค้อ มีความสูง 1,290 เมตร จากระดับน้ำทะเลปานกลาง ส่วนยอดเขาค้อ ซึ่งเป็นที่ตั้งของ อนุสรณ์สถานผู้เสียสละ เขาค้อ มีความสูง 1,174 เมตร สภาพอากาศบนเขาค้อจึงค่อนข้างเย็น และเย็นจัดในฤดูหนาว และยังมีทัศนียภาพที่สวยงาม เป็นแหล่งชมทะเลหมอกที่สวยมากแห่งหนึ่งที่ไม่ไกลจากกรุงเทพฯ มากนัก
ชื่อเขาค้อ มีที่มาจาก ป่าบริเวณนี้มีต้นค้อขึ้นอยู่มาก ซึ่งโดยปกติต้นค้อจะขึ้นในพื้นที่ที่มีภูมิอากาศหนาวเย็น ป่าไม้ในแถบนี้เป็นป่าเต็งรังหรือป่าไม้สลัดใบ ป่าสน และป่าดิบ ที่น่าสนใจก็คือ พันธุ์ไม้ตระกูลปาล์ม ลักษณะคล้ายต้นตาล แต่ออกผลเป็นทะลายคล้ายหมาก แม้ปัจจุบันป่าจะถูกถางไปมากก็ตาม แต่ก็ยังมีให้เห็นอยู่บ้าง
สถานที่ท่องเที่ยงบนเขาค้อ นอกจากจะมีความสวยงามตามธรรมชาติแล้ว ยังเป็นสถานที่สำคัญอย่างยิ่งทางประวัติศาสตร์ของประเทศ เนื่องจากเป็นพื้นที่ ที่ทางราชการ ใช้ในการต่อสู้กับผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์ในอดีต ก่อนที่ผกค. จะแพ้พ่าย และสูญหายไปจากประเทศไทย ซึ่งสถานที่สำคัญหลายแห่งบนเขาค้อ ยังปรากฎหลักฐานเหล่านี้อยู่จำนวนมาก
สถานที่น่าสนใจบนเขาค้อ อนุสาวรีย์จีนฮ่อ เป็นอนุสาวรีย์ทหารอาสาจากหน่วยรบกองพลที่ 93 ซึ่งมาช่วยรบในพื้นที่เขาค้อ และเสียชีวิตในการสู้รบ ตั้งอยู่เลยกิโลเมตรที่ 23 ของทางหลวงหมายเลข 2196 ไปเล็กน้อย
ฐานอิทธิ (พิพิธภัณฑ์อาวุธ) อยู่เลยกิโลเมตรที่ 28 ทางหลวงหมายเลข 2196 (ไปเล็กน้อย แล้วแยกขวาเข้าทางหลวงหมายเลข 2323 ไปประมาณ 3 กิโลเมตร เป็นจุดหนึ่งที่เห็นทิวทัศน์สวยงามและเคยเป็นฐานสำคัญทางยุทธศาสตร์ในอดีต ปัจจุบันจัดเป็นพิพิธภัณฑ์อาวุธ จัดแสดงปืนใหญ่ ซากรถถัง และอาวุธที่ใช้สู้รบกันบนเขาค้อ มีห้องบรรยายสรุปแก่ผู้เข้าชมเป็นหมู่คณะด้วย เปิดให้เข้าชมทุกวัน ค่าเข้าชมคนละ 10 บาท

อนุสรณ์สถานผู้เสียสละเขาค้อ อยู่บนยอดเขาสูงสุดของเขาค้อ อยู่เลยฐานอิทธิ ไปอีก 1 กิโลเมตร สร้างขึ้นเพื่อเทิดทูนวีรกรรมของพลเรือน ทหาร ตำรวจ ทหาร ผู้พลีชีพในการสู้รบเพื่อปกป้องพื้นที่ในเขตรอยต่อ 3 จังหวัด คือ พิษณุโลก เพชรบูรณ์ และเลย ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2511-2525 โดยสร้างด้วยหินอ่อนเป็นรูปสามเหลี่ยมสูง 24 เมตร หมายถึง การปฏิบัติการร่วมกันระหว่างพลเรือน ตำรวจ ทหารในปี พ.ศ. 2524 ผนังภายในบันทึกประวัติอนุสรณ์สถานและรายชื่อวีรชนผู้เสียสละไว้ด้วย การเดินทาง ใช้เส้นทางหลวงหมายเลข 2196 ไปจนถึงกิโลเมตรที่ 28 ไปเล็กน้อย มีทางแยกขวาไปเส้นทางหมายเลข 2323 ประมาณ 3 กิโลเมตร รวมระยะทางประมาณ 31 กิโลเมตร
พระบรมธาตุเจดีย์กาญจนาภิเษก ตั้งอยู่บนยอดเขาค้อ ติดกับสำนักสงฆ์วิชมัยปุญญาราม ยอดเจดีย์บรรจุพระบรมสารีริกธาตุที่อัญเชิญมาจากประเทศศรีลังกา เจดีย์แห่งนี้ชาวเพชรบูรณ์สร้างขึ้นเพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในวโรกาสทรงครองราชย์ครบ 50 ปี ในวันสำคัญทางศาสนา เช่น วันมาฆบูชาจะมีประชาชนเดินทางมาประกอบพิธีกรรมทางศาสนา ทำพิธีเวียนเทียนเป็นประจำ
หอสมุดนานาชาติเขาค้อตั้งอยู่ที่เดียวกับเจดีย์พระบรมสารีริกธาตุ เป็นหอสมุดขนาดใหญ่ออกแบบเป็นรูปเพชรคว่ำ สร้างด้วยกระจกสะท้อนแสง ภายในเก็บรักษาหนังสือทั้งภาษาไทยและ ภาษาต่างประเทศ ในเดือนธันวาคมของทุกปีจะมีการจัดงาน “วันนัดพบเอกอัครราชทูต ณ เขาค้อ”โดยเชิญเอกอัครราชทูตจากประเทศต่างๆ มาร่วมชมการแสดงศิลปวัฒนธรรมของจังหวัด
เจดีย์พระบรมสารีริกธาตุเขาค้อ ตั้งอยู่บนยอดเขาติดกับหอสมุดนานาชาติเขาค้อ บ้านกองเนียม หมู่ที่ 4 ตำบลเขาค้อ ที่ยอดเจดีย์บรรจุพระบรมสารีริกธาตุที่อัญเชิญมาจากประเทศศรีลังกา เจดีย์แห่งนี้ชาวเพชรบูรณ์สร้างขึ้นเพื่อถวายเป็นพระราชกุศลพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในวโรกาสทรงครองราชย์ 50 ปี และเป็นที่สักการะบูชาของพุทธศาสนิกชน ในวันสำคัญทางศาสนาจะมีประชาชนและนักท่องเที่ยวร่วมกันประกอบพิธีทางศาสนา เช่น พิธีเวียนเทียน

แหล่งที่มา http://www.khaoko.com/index.php?lay=show&ac=article&Id=280029&Ntype=5

วันอังคารที่ 24 สิงหาคม พ.ศ. 2553

ทายนิสัยจากขนมที่ช๊อบ ชอบ ...


- ขนมกรุ๊บกรอบ -
เป็นคนที่ค่อนข้างโลเล หวั่นไหวง่าย ไม่ค่อยชอบที่จะเป็นผู้นำใคร ชอบที่จะเป็นผู้ตามซะมากกว่า เป็นคนเซอร์ๆ ดูภายนอก แล้วอาจจะเหมือนกับคนที่ค่อนข้างเฉื่อยๆชาๆ ไม่มีเรี่ยวแรง แต่ก็แอบมีอะไรให้เซอร์ไพรส์ตลอดเวลา โดยเฉพาะเรื่อง ความบ้าบิ่นหลุดโลกติดตลกของเค้านี่แหละ หรือจะเป็นเรื่องแผลงๆที่คิดอยากจะทำอะไรก็ทำ ไม่ค่อยแคร์สายตาของใคร ถือเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของเค้าคนนี้
+++++
- ช็อคโกแลต -
แค่ได้ยินชื่อก็ยั่วน้ำลายแล้ว เข้าเรื่องดีกว่า ค่อนข้างเป็นตัวของตัวเอง รักอิสระ ไม่ชอบให้ใครมาแสดงความเป็นเจ้าเข้าเจ้า ของหรือผูกมัดจนเกินความพอดี สบายๆ อะไรก็ได้ ไม่ค่อยถือสาหาความใคร และไม่ชอบยึดติดกับอะไรนานๆด้วยเหมือน กัน ไม่ชอบตั้งกฎเกณฑ์หรือให้ใครมาตั้งกฎให้กับตัวเอง หรือล้อมคอกความรู้สึกของใครไว้ และที่สำคัญ เค้าคนนั้น สามารถที่จะเป็นเพื่อนที่ดีของทุกคนได้ แต่มีเหมือนกันน๊า...ที่บางครั้งก็แอบขี้น้อยใจกับเค้าเหมือนกัน
เรื่องของความรักเหรอ... ค่อนข้างจะแฟร์กับเรื่องแบบนี้พอสมควร ไม่ขี้หึงอะไรที่ไม่เข้าเรื่อง และกับคนที่ชอบถึงแม้จะ เป็นคนรู้ใจกันไม่ได้ ก็ยังเป็นเพื่อนสนิทกันได้นี่...
+++++
- ขนมปัง
-
ตามแฟชั่น หรือเรียกแบบว่าเห่อก็ได้ ไม่ว่าอะไรที่ตอนนี้ In หรือ Out ตามกระแสสุดตัว และที่สำคัญชอบอยู่รวมตัวเป็น กลุ่มเป็นก้อน (ไม่ใช่ก้อนขี้หมานะ) ให้ตายสิ ก็เค้าไม่ชอบที่จะเป็นประเภทฉายเดี่ยว แบบขาดเพื่อนไม่ได้ จะทำอะไรก็ไ ด้ขอมีเพื่อนพ่วงท้ายไว้ก่อน รักสนุก ชอบเฮฮาปาร์ตี้ ไปไหนไปด้วย แต่ช่วยออกสตางค์นะจ๊ะ เป็นนักฝันที่ดี บางค รั้งดูจะขี้โวยวายไปสักหน่อย แต่ก็ไม่เป็นพิษภัยให้ใครเดือดร้อน
เรื่องของความรัก... ไม่ค่อยจะซีเรียสตั้งกฎตายตัว ต้องเป็นยังงั้น หวีดกันขนาดนี้ เอาเป็นว่าปล่อยให้ความรักมันเป็นไป อย่างที่เคยเป็น ไม่ใช่ว่าไม่สนใจ รักก็คือรัก ไม่ตามติดให้รำคาญใจ
++++++
- ถั่ว -
ไม่ค่อยจะจริงจังกับชีวิต ปล่อยให้มันเป็นไปตามธรรมชาติ เซอร์ๆ เฮฮ่าไปวันๆ ค่อนข้างจะรักอิสระ ไม่ชอบที่จอแจ สุงสิง กับใคร บางครั้งติดจะโลดโผน มีความคิดแผกแปลกชาวบ้าน ชอบที่จะทำอะไรแผลงๆ เป็นแบบทำอะไรก็ได้ เอามันส์ไว้ ก่อน แต่ก็อย่าพึงมองคนประเภทนี้เป็นคนไม่ดี เพราะเค้าค่อนข้างจะแฟร์ แถมยังเป็นคนตรง ไม่ชอบเสแสร้ง แกล้งทำ
เรื่องของความรักก็เหมือนกัน แต่ก็อย่าพึงมองไม่ดีไว้ก่อน ที่ไม่ค่อยจะจริงจังกับชีวิต แถมยังตรงไปตรงมาซะด้วยซิ คนแบบนี้ความรักไม่ค่อยให้ความสำคัญอะไรมากมายนัก มีก็ได้ ไม่มีก็ได้ ไม่สำคัญ เค้าไม่เคยวาดฝันว่าความรักต้อง เพอร์เฟ็คและดีที่สุด ไม่เคยคิดเลยในสมองน้อยๆของเธอ
+++++
- หมากฝรั่ง -

เป็นคนค่อนข้างที่จะกล้าได้กล้าเสี่ยง ทำได้ทุกอย่างเท่าที่จะทำ (ได้) และที่อยากจะทำเท่านั้น ชอบความท้าทาย และก็ เป็นคนที่ค่อนข้างจะมั่นใจตัวเองอยู่เหมือนกัน ที่สำคัญนะชอบทำอะไรแหวกแหกกฎอยู่เสมอ อะไรที่เหมือนกับคนอื่นๆ เค้าล่ะก้อไม่เอาด้วยหรอก ไม่เด็ดขาด เป็นตัวเองเสมอ ไม่ก๊อปปี้ ลอกใครให้เสียฟอร์มหรอกนะ
ความรัก... ค่อนข้างจะเปิดเผย รักชอบใครก็จะพูดหรือแสดงออกมาตรงกับเค้าคนนั้นไปเลย ไม่อ้อมค้อม บอกใบ้ให้เสียเวลา
+++++
- ของหมักดอง
-
คล่องแคล่ว ว่องไว แต่จะเบื่ออะไรง่ายๆอยู่สักหน่อย ทำอะไรเป็นพักๆ จะออกหัวหรือก้อยเอาไว้ค่อยลุ้นกันต่อไป ชอบที่ จะเข้าสังคมพบปะผู้อื่น จะให้เค้าคนนี้อยู่คนเดียวไม่ได้แน่นอน ค่อนข้างที่จะเป็นคนที่มีอารมณ์รุนแรง โกรธง่าย และก็ โกรธนานด้วยสิ
ความรัก... ค่อนข้างยุ่งเหยิงพัวพันอยู่ไม่น้อย สับรางกันแทบไม่ค่อยจะทัน ไม่ใช่ว่าเจ้าชู้นะ แต่แค่เสน่ห์แรงเท่านั้นเอง
+++++
- เวฟเฟอร์ -

เป็นคนที่มีมุมมองในแง่ดี ชอบที่จะคิดสร้างสรรค์มากกว่าจะทำลาย มองโลกในแง่ดีและมักมีจินตนาการสวยเลิศ ชอบขีดๆ เขียนๆ มีไอเดียใหม่ๆอยู่เสมอๆ แถมยังเป็นคนที่มีอุดมการณ์ไม่ใช่เล่น ชอบที่จะคิดเรื่องของวันพรุ่งนี้มากกว่าที่จะย้อน หลังไปเมื่อวันวาน บางครั้งเอาแต่ใจตัวเองนิดๆ แต่รักเพื่อนนะ แถมยังหนักแน่นไม่โลเลอีกต่างหาก
ความรัก... ไม่ค่อยหวือหวาหรือโดดเด่นในสายตาของใครๆ เรียบๆง่ายๆ กินข้าว ดูหนัง ไปเที่ยวด้วยกันเหมือนคู่อื่น จริงจัง และก็จริงใจสุดๆ
+++++
- ขนมปังแท่ง -
เป็นคนที่ค่อนข้างที่จะหนักแน่นพอสมควร เถรตรง เป็นคน Hiper กระตือรือร้นกับทุกเรื่อง รักความก้าวหน้า และคนกลุ่มนี้ มักจะเป็นคนที่ทำอะไรแล้วมักจจะทำได้ดี ชอบคิดและค้น สร้างสรรค์แต่สิ่งใหม่ๆให้กับตัวเองอยู่เสมอ ชอบอะไรที่เป็น New ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของแฟชั่นว่าตอนนี้อะไรที่กำลัง Hot, Hit หรือมาแรง ตามติดๆอยู่แล้ว
ความรัก... ก็ค่อนข้างจะช่างเลือกนิดๆ คนที่รักหรือคิดจะคบด้วย ต้องเป็นคนดี ไม่ถึงกับว่าเลิศหรู แต่ต้องเชื่อใจ+เข้าใจ เพราะความรักเป็นเรื่องยิ่งใหญ่สำหรับเค้า
+++++
- ขนมเยลลี่ -
รักสนุก เรื่องยุกยิกไม่ชอบเก็บไปคิดให้ปวดขมองหรอกนะ คนกลุ่มนี้เป็นคนติดเพื่อนมาก อ่อนไหวบ้างเป็นบางครั้ง และที่ น่ารัก...ก็แหมเป็นคนที่เคารพในการตัดสินใจของคนอื่นเสมอ ไม่ชอบอวดหรือโชว์ความดีความเด่นของตัวเองให้ใครๆรู้ (ประเภทปิดทองหลังพระ) เรื่องรักๆถึงไม่ใช่คนโรแมนติก แต่เรื่องของความจริงใจเกินร้อย
แหล่งอ้างอิง http://maidclub.exteen.com/20080816/entry
ดวงราศีกันย์

ความรัก ราศีกันย์
ชาวราศีกันย์เป็นคนชอบช่วยเหลือผู้อื่น มีน้ำใจ ช่วยเหลือเพื่อนๆ และคนรักในทุกๆเรื่องที่เขาจะช่วยได้ เขาเป็นคนที่มีความขยัน มุมานะ และมักจะทำอะไรที่ดีๆและเป็นประโยชน์มาให้เพื่อนๆและคนรอบข้างเสมอ ชาวกันย์เป็นคนใจเย็น และมีความอ่อนโยน แต่บางครั้งก็ดูจะเป็นคนขี้อายไปบ้าง ดังนั้นหากได้คบหากับคนที่ช่วยเสริมสร้างความเชื่อมั่นและความกล้าแสดงออกของเขาให้มากยิ่งขึ้นกว่านี้ก็จะทำให้ชาวกันย์เป็นคนที่มีเสน่ห์และน่าคบหามากทีเดียว ด้วยจิตใจที่ดีงาม ชอบดูแลช่วยเหลือผู้อื่น ชาวกันย์จึงน่าจะไปได้ดีกับการเป็นหมอหรือพยาบาล
ความโรแมนติกแบบราศีกันย์
ชาวกันย์เป็นคนที่ดูแลเอาใจใส่ตัวเองอยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการรับประทาน การออกกำลังกายและการพักผ่อน ทำให้เขาเป็นคนที่มีสุขภาพแข็งแรงอยู่เสมอ จนหลายคนมักจะแอบอิจฉาในบุคลิกที่ดูดีของเขา ชาวกันย์เป็นคนละเอียดรอบคอบ ใส่ใจในทุกๆเรื่องรอบตัว ตั้งแต่หัวจรดเท้า ดังนั้นหากใครเป็นเพื่อนหรือคนสนิท หรือคู่รักกับเขาแล้ว คุณก็จะได้รับการดูแลเอาใจใส่อย่างดีจากเขาด้วย ชาวกันย์เป็นคนที่อบอุ่นมากและถือว่าเป็นคนที่น่าคบหาที่สุดคนหนึ่งเลยล่ะ
ความรักของราศีกันย์
ชาวราศีกันย์เป็นคนธาตุดิน ใช้ชีวิตแบบเรียบง่ายสบายๆ ไม่รีบร้อน เป็นคนที่มีความละเอียดลออ รอบคอบเป็นที่พึ่งและที่ปรึกษาที่ดี จึงมักจะให้ความช่วยเหลือคนอยู่เป็นประจำ ไม่ว่าจะที่ทำงาน เพื่อนบ้าน ญาติพี่น้อง ทำให้เป็นที่รู้จักและที่รักของหลายคน ส่วนความสัมพันธ์กับคนรักนั้น ชาวกันย์ก็จะดูแลเอาใจใส่ และมีอะไรกุ๊กกิ๊กอยู่เสมอ ทำให้ความรักของชาวราศีกันย์ดูน่ารักเหมือนคนเพิ่งรักกันใหม่ๆตลอดเวลา แต่บางครั้งอาจจะดูเหมือนเย็นชาไปบ้าง แต่จริงๆแล้วเขาแอบคอยสังเกตคอยดูคุณอยู่ห่างๆ แต่เขาแสร้งทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ ดังนั้นคนที่คบกับชาวกันย์ควรซื่อสัตย์และให้เกียรติเขาให้มาก เพราะคุณมีคนรักที่วิเศษมากๆ อยู่แล้วทั้งคน
ความสัมพันธ์แบบชาวราศีกันย์
ชาวราศีกันย์เป็นคนที่เก็บอาการเก่ง ไม่ค่อยแสดงออกถึงความรู้สึกมากมายนัก ถ้าเขายังไม่แน่ใจ เขาอาจจะดูเป็นคนนิ่งๆ ดูเย็นชา แต่ที่จริงแล้วชาวกันย์ก็เป็นคนที่โรแมนติกมากคนหนึ่ง กับคู่รักเขาเป็นคนที่เอาใจเก่งและรู้ใจคนรักของเขาเสมอว่าทำแบบไหนถึงจะถูกใจ ชาวกันย์เป็นคนที่มั่นคงในรัก เขาจะทุ่มเทให้กับความรักและไม่จับปลาสองมือ ใครที่อยากจะพิชิตใจของชาวกันย์มาครองให้ได้ จะต้องอาศัยเวลาเป็นเครื่องพิสูจน์จิตใจที่มั่นคง และค่อยๆเรียนรู้กันไป จึงจะสามารถพิชิตใจของชาวกันย์มาครองได้

วันเสาร์ที่ 17 กรกฎาคม พ.ศ. 2553



สตีฟ จ็อบส์เปิดตัว ไอโฟน 4
08 มิถุนายน 2553 เวลา 13:05 น.


แอปเปิลเปิดตัวไอโฟน4 ชูคุณสมบัติสมาร์ทโฟนที่บางที่สุดในโลก ราคาเริ่มต้น 199เหรียญสหรัฐ
สำนักข่าวซีเอ็นเอ็นรายงานว่า เมื่อวันจันทร์ที่ 7 มิ.ย. สตีฟ จ็อบส์ ซีอีโอ บริษัท แอปเปิล ได้แถลงข่าวเปิดตัว ไอโฟน 4 เทคโนโลยีเวอร์ชั่นใหม่ล่าสุดของบริษัทสมาร์ทโฟนยอดฮิตของโลก
"เราคิดว่านี่เป็นการเปลี่ยนแปลงอย่างก้าวกระโดดครั้งใหญ่ที่สุดที่เราเคยมี ตั้งแต่มีการปล่อยไอโฟนออกมา" จ็อบส์กล่าวกับผู้ฟังที่เข้ามาร่วมในงานแนะนำ "เราภูมิใจกับสิ่งนี้จริงๆ" จ็อบส์กล่าว โทรศัพท์รุ่นดังกล่าวจะมี 2 สี ขาวและดำ และจะออกขายในวันที่ 24 มิ.ย. นี้ในสหรัฐ และอีก 4 ประเทศ โดยราคาอยู่ที่ 199 เหรียญสหรัฐ (ราว 6,507 บาท) สำหรับขนาด 16GB และ ราคา 299 เหรียญสหรัฐ (ราว 9,777บาท) สำหรับขนาด 32GB ทั้งนี้ จ็อบส์ระบุว่า ไอโฟน 4 จะเป็น สมาร์ทโฟนที่มีความบางที่สุดในโลก ด้วยความหนาเพียง 9.3 มม. ซึ่งเทียบกับไอโฟน 3GS แล้วรุ่นนี้จะมีความบางกว่าถึง 24% เลยทีเดียว ซีอีโอคนดังยังระบุด้วยว่า ไอโฟน4 จะมมีความละเอียดของกล้องอยู่ที่ 5 เมกะพิกเซล และระบบดิจิตอลซูม 5X สิ่งที่เป็นที่สนใจมากที่สุดในระหว่างการเปิดตัวในค่ำคืนที่ผ่านมานั้น ก็คือการใช้เจ้าสมาร์ทโฟนตัวใหม่นี้ติดต่อและแซทกับพนักงานของแอปเปิลคนหนึ่ง ภายใต้สิ่งที่เรียกว่า เฟซไทม์ (FaceTime) ซึ่งจะทำงานอย่างอัจฉริยะเชื่อมต่อระหว่างเครื่องไอโฟน 4 ในพื้นที่ที่ระบบ Wi-Fi "นี่คือลูกน้อยคนใหม่ของเรา และเราก็หวังว่าคุณจะรักเขามากเท่าๆ กับที่เรารัก" จ็อบส์กล่าว

วันเสาร์ที่ 26 มิถุนายน พ.ศ. 2553



Samsung สร้างคำจำกัดความใหม่สำหรับความสมจริงด้วย Full HD TV รุ่นใหม่2007-12-06
ด้วยการใช้เทคโนโลยี Smart lighting LED ใหม่ทำให้ TV นี้เป็น LCD TV ชั้นนำ


เบอร์ลิน เยอรมัน - 30 สิงหาคม 2007 - Samsung Electronics Co. Ltd. แถลงข่าวเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ใหม่ระดับพรีเมี่ยมในตลาด Full HD TV ด้วย LCD TV ที่มีหน้าจอขนาดใหญ่และผสมผสานไปด้วยเทคโนโลยีล่าสุดของภาพความละเอียดสูงพร้อมการออกแบบที่มีแรงบันดาลใจที่ต้องการท้าทายกาลเวลา เป้าหมายของ TV F9 series ใหม่ (52", 70") คือการนำเสนอเทคโนโลยีใหม่ LED Smart lighting ซึ่งเป็นที่รู้จักในชื่อ “local dimming” ในจอภาพขนาดใหญ่ที่สุดเท่าที่มีวางจำหน่ายในตลาด Samsung ยังคงรักษามาตรฐานสินค้าระดับพรีเมี่ยมโดยการรวมเอา Full HD 1080p super clear LCD panel (52 นิ้ว) ที่ได้รับสิทธิบัตรและ Wide Color Enhancer เพื่อมอบคุณภาพ HD ชั้นยอดพร้อมช่วยให้สีดำดำยิ่งขึ้น, ให้ภาพที่คมชัดและมีสีสันสดใสมากยิ่งขึ้น Smart lighting LED ใช้ไฟพื้นหลัง LED จำนวนมาก TV จะคอยจับสัญญาณอย่างชาญฉลาดและปรับระดับความสว่างโดยการเปิดปิดไฟพื้นหลังอย่างถูกต้องเพื่อสร้าง dynamic contrast ratio อันล้ำเลิศได้ถึง 500,000 ต่อ 1 ยิ่งไปกว่านั้น เนื่องจาก TV รุ่นนี้ได้ใช้เทคโนโลยี LED จึงส่งผลให้เป็นทีวีที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากที่สุดรุ่นหนึ่งในขณะนี้ Samsung สามารถบรรลุถึงเป้าหมายในการลดใช้พลังงานได้กว่า 30% อย่างน่าทึ่ง Sang-heung Shin รองประธานกรรมการอาวุโสของ Samsung ฝ่ายอุปกรณ์แสดงผล เปิดเผยถึงการตัดสินใจของ Samsung ในการใช้เทคโนโลยี LED กับ TV ท็อปเอนด์รุ่นใหม่ของพวกเขา โดยกล่าวว่า “ นี่คือเทคโนโลยีแห่งอนาคต พวกเรามั่นใจในสิ่งนี้และเชื่อมั่นว่าตรงกับความต้องการของตลาดในปัจจุบัน โดยเฉพาะ TV ที่มีขนาดและจอภาพสัดส่วนเท่านี้” นอกเหนือจากเทคโนโลยีใหม่ทั้งหมดนั้น Samsung ก็มิได้ละเลยเรื่องการออกแบบ เสียง ความง่ายในการใช้งานหรือคุณสมบัติในการเชื่อมต่อ แนวคิดของ TV ที่ยังคงเป็นชื่อเสียงของ Samsung สำหรับนวัตกรรมการออกแบบด้วยสีดำแบบเปียโน ตัวเครื่องมีความเงาวับตัดด้วยความโค้งมนอย่างนุ่มนวลที่มุมและไททาเนียมที่เข้ากันได้อย่างดีแสดงถึงความรู้สึกที่หรูหราอย่างไม่มีการโอ้อวด ระบบเสียงสเตอริโอ Trusurround XT ในซีรีส์ F9 มาพร้อมกับสองลำโพงซับวูฟเฟอร์ในตัวที่ซ่อนไว้อย่างประณีตและขับพลังเสียงไปยังย่านความถี่ต่ำของระบบสเตอริโอ 2.2 แชนแนลได้มากกว่า การออกแบบลำโพงที่เป็นเอกลักษณ์โดยแยกลำโพงทวีทเตอร์ออกและทำให้มีช่วงความถี่กว้างยิ่งขึ้น ช่วยขับคุณภาพเสียงที่มีมิติมากขั้นด้วยเสียงเบสที่ทุ้มลึกและเสียงแหลมที่สูงกว่า สายผลิตภัณฑ์ F9 มาพร้อมกับ WiselinkTM USB 2.0 เพื่อให้ง่ายแก่เชื่อมต่อกับกล้องดิจิตอล และเครื่องเล่น MP3 และการเชื่อมต่อ HDMI 3 จุดที่จะช่วยให้ผู้ใช้สามารถใช้งานประสิทธิภาพ Full HD ผ่านทางอุปกรณ์ต่างๆได้อย่างเต็มที่ เช่นเครื่องเล่น Blu-ray, เครื่องเล่นเกม, และกล้องวีดีโอ HD ในรุ่น 52 นิ้วนั้นมาพร้อมกับคุณสมบัติ Auto-wall mount ของซัมซุง ซึ่งช่วยให้ผู้รับชมปรับเปลี่ยนมุมในการรับชมได้อย่างง่ายดายโดยใช้รีโมทคอนโทรลซึ่งจะปรับไปด้านข้างได้ถึง 20 องศา และปรับลงได้ 15 องศา สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Samsung ที่ IFA 2007 โปรดแวะชมได้ที่ www.samsung.com/ifapress เกี่ยวกับ Samsung Electronics Samsung Electronics Co., Ltd. เป็นผู้นำระดับโลกด้านเซมิคอนดักเตอร์, การสื่อสารโทรคมนาคม, ดิจิตอลมีเดียและเทคโนโลยีการผนวกรวมดิจิตอล ในปี 2006 บริษัทแม่มีรายได้ถึง $63.4 พันล้านเหรียญสหรัฐ และมีรายได้สุทธิถึง $8.5 พันล้านเหรียญสหรัฐ มีพนักงาน 138,000 คนโดยประมาณ ในสำนักงาน 124 แห่งใน 56 ประเทศ บริษัทประกอบไปด้วยห้าสายธุรกิจหลัก: ธุรกิจดิจิตอลมีเดีย, ธุรกิจ LCD, ธุรกิจเซมิคอนดักเตอร์, ธุรกิจสื่อสารโทรคมนาคมและธุรกิจอุปกรณ์เครื่องใช้ดิจิตอล เป็นที่รู้จักในฐานะแบรนด์ที่เติบโตเร็วที่สุดในโลก Samsung Electronics เป็นผู้ผลิตชั้นนำสำหรับ TV ดิจิตอล, ชิปหน่วยความจำ, โทรศัพท์มือถือและ TFT-LCD.



วันศุกร์ที่ 25 มิถุนายน พ.ศ. 2553

บาร์โค้ดสองมิติ
คิวอาร์โค้ด (QR Code) หรือ เรียกว่าบาร์โค้ด 2 มิติ คือรหัสชนิดหนึ่งซึ่งสามารถเก็บข้อมูลได้ มีลักษณะเป็นรูปสี่เหลี่ยมขาวดำ นิยมใช้เก็บข้อมูลสินค้า เช่น ชื่อสินค้า ราคาสินค้า เบอร์โทรศัพท์ติดต่อ และชื่อเว็บไซต์คิวอาร์โค้ด เป็นการพัฒนามาจาก บาร์โค้ด ถูกคิดค้นขึ้นในปี ค.ศ. 1994 โดยบริษัทสัญชาติญี่ปุ่น ที่ชื่อ เดนโซ และได้จดทะเบียนลิขสิทธิ์ชื่อ "QR Code" ไปแล้วทั้งในญี่ปุ่น และทั่วโลก อักษรย่อ "QR" ย่อมาจาก Quick Response หรือการตอบสนองที่รวดเร็ว ซึ่งเป็นคำนิยามจากผู้คิดค้นที่พัฒนาให้คิวอาร์โค้ดสามารถถูกอ่านได้อย่างรวดเร็ว การอ่าน คิวอาร์โค้ด นิยมใช้กับโทรศัพท์มือถือ รุ่นที่มีกล้องถ่ายภาพ และสามารถติดตั้งซอฟแวร์เพิ่มเติมได้คิวอาร์โค้ด สามารถบันทึกตัวเลขอารบิกอย่างเดียวได้สูงสุด 7,089 ตัว บันทึกตัวอักษรอังกฤษผสมเลขอารบิกได้สูงสุด 4,296 ตัว บันทึกข้อมูลเลขฐานสองขนาด 8 บิต ได้สูงสุด 2,953 ไบต์ และบันทึกตัวอักษรภาษาญี่ปุ่น (อักษรคันจิหรือคะนะ) ได้สูงสุด 1,817 ตัวอักษรhttp://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%84%E0%B8%B4%E0%B8%A7%E0%B8%AD%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B9%8C%E0%B9%82%E0%B8%84%E0%B9%89%E0%B8%94
---------------------------------------------------------------------------------------------ตามปกติแล้วการใช้งานบาร์โค้ดสองมิติ หรือคิวอาร์โค้ด จะเห็นอยู่ในโทรศัพท์มือถือรุ่นแพง ๆ แต่เมื่อเทคโนโลยีก้าวหน้ามากขึ้นเรื่อย ๆ ราคาก็ย่อมถูกลง การใช้งานบาร์โค้ดสองมิติจึงเริ่มถูกนำมาใส่ไว้ในโทรศัพท์มือถือราคาย่อมเยา บาร์โค้ดสองมิติหรือคิวอาร์โค้ด จะมีรูปร่างหน้าตาอยู่ในบล็อกสี่เหลี่ยมสีขาวดำสลับกันดูแล้วยึกยือ ๆ ตอนนี้กำลังได้รับความนิยมมากในประเทศญี่ปุ่น สหรัฐอเมริกาและยุโรป จะเห็นอยู่ บนสินค้า ป้ายโฆษณา หนังสือ แม้กระทั่งนามบัตร บาร์โค้ดสองมิติจะซ่อนความหมาย รายละเอียดที่ต้องการแสดงเอาไว้ ผู้ประกอบการบางรายก็จะทำลิงก์ไว้ภายในบาร์โค้ดสองมิติให้เราเข้าเว็บไซต์ของบริษัทได้ทันที คิวอาร์โค้ด คือบาร์โค้ดอีกชนิดหนึ่ง ที่สามารถเก็บข้อมูลได้ แต่จะมีลูกเล่นมากกว่า เข้าถึงข้อมูลได้เร็วและง่ายกว่าบาร์โค้ดแบบแท่ง ๆ ที่เราคุ้นเคย คิวอาร์โค้ดถูกคิดค้นในปี ค.ศ. 1994 โดยบริษัทสัญชาติญี่ปุ่นชื่อ เดนโซ-เวฟ วิธีใช้งานบาร์โค้ดสองมิติหรือคิวอาร์โค้ด ต้องใช้งานผ่านโทรศัพท์มือถือ แค่เอากล้องที่อยู่บนมือถือไปสแกนบน บาร์โค้ด รอแป๊บเดียวเครื่องจะอ่านบาร์โค้ดสีดำมาเป็นตัวหนังสือที่ผู้ทำคิวอาร์โค้ดต้องการสื่อถึงลูกค้าหรือผู้สแกนได้รับรู้ โทรศัพท์มือถือที่จะสแกนได้ต้องมีสัญลักษณ์คิวอาร์โค้ดอยู่ภายในตัวเครื่อง จึงจะสามารถอ่านข้อมูลภายในบาร์โค้ดแบบนี้ได้ วิธีการก็เข้าไปที่ระบบปฏิบัติการบนมือถือ แล้วมองหาบาร์โค้ดรูปสี่เหลี่ยมสีดำ-ขาวเหมือนในรูป ภายในคิวอาร์โค้ด จะมีข้อมูลมากมายเช่น รายละเอียดสินค้า โปรโมชั่น สถานที่ตั้งของบริษัท ร้านค้า เว็บ ไซต์ เบอร์โทรศัพท์ หากอยู่บนนามบัตร เจ้าของนามบัตรก็จะใส่ทั้งชื่อ อีเมล หมายโทรศัพท์ ฯลฯ บางครั้งใช้บาร์โค้ดสองมิติส่งเป็นสื่อบอกความในใจได้เหมือนกัน แค่พิมพ์บาร์โค้ดสองมิติลงบนการ์ด ฝ่ายผู้รับการ์ดก็แค่เอามือถือที่มีกล้องมา สแกนแค่นี้ก็รู้แล้ว เราสามารถทำบาร์โค้ดสองมิติได้เอง ลองเข้าไปที่เว็บไซต์ http://qrcode.kaywa. com ดาวน์โหลดโปรแกรมมา สร้างคิวอาร์โค้ดเอง ไม่เสียตังค์ค่ะ โทรศัพท์มือถือรุ่นล่าสุด ราคาไม่แพงแต่สามารถ สแกนคิวอาร์โค้ดได้ก็คือ เวลคอม รุ่นดับเบิลยู 9002 นอกจากฟังก์ชั่นใช้งานโทรศัพท์แล้ว จีพีเอส มัลติมีเดีย มีกล้อง 2 ล้านพิกเซล รองรับไฟล์เพลงเอ็มพี 3 และเอ็มพี 4 แล้วยัง มีคุณสมบัติสแกนคิวอาร์โค้ด หรืออ่านบาร์โค้ดสองมิติได้ ถือเป็นระบบปฏิบัติการใหม่ที่อยู่ในมือถือรุ่นนี้ ในเมืองไทยการใช้งานบาร์โค้ดสองมิติ ยังมีน้อยมาก แต่หากเจอก็ลองเอามือถือรุ่นที่สแกนได้ไปอ่านบาร์โค้ดแล้วจะได้เห็นข้อความสนุก ๆ ถอดรหัสภาษาแบบใหม่ ๆ เดี๋ยวลองส่งบาร์โค้ดแบบนี้ไปให้คนข้าง ๆ สิ อาจจะเห็นเค้ายิ้มก็ได้นะ.ปรารถนา ฉายประเสริฐprathanac@dailynews.co.thที่มา เดลินิวส์http://www.digitalthai.net/%E0%B8%9A%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B9%8C%E0%B9%82%E0%B8%84%E0%B9%89%E0%B8%94-2-%E0%B8%A1%E0%B8%B4%E0%B8%95%E0%B8%B4.html

วันจันทร์ที่ 21 มิถุนายน พ.ศ. 2553

ในที่สุด

เย้...

สร้าง Blog เสร็จแล้ว


โห้..กว่าจะทำได้หลายรอบมาก